สาววัย 15 ขี่รถ จยย.ข้ามทางรถไฟ ถูกชนคอหักเสียชีวิต

สาววัย 15 ขี่รถ จยย.ข้ามทางรถไฟ ถูกชนคอหักเสียชีวิต

View icon 367
วันที่ 2 ส.ค. 2567 | 15.20 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
สลด! สาววัย 15 ปี ขี่รถ จยย.ข้ามทางรถไฟ ถูกชนกระเด็น กะโหลกยุบ คอหักเสียชีวิต ขณะที่ ทางข้ามทางรถไฟดังกล่าว ชาวบ้านทำขึ้นเอง ไม่มีเครื่องกั้น-สัญญาณเตือน

วันนี้ (2 ส.ค.67) พ.ต.ท. ธีระภาพ ภูขันซ้าย สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุ รถไฟชนรถจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย เหตุเกิดบริเวณชุมชนทุ่งสว่าง มุ่งหน้าไปชุมชนหนองเหล็ก เขตเทศบาลนครอุดรธานี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี อาสากู้ภัยมูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี รุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบขบวนรถไฟตู้สินค้า ขบวนที่ 555 จอดอยู่ มีชาวบ้านจำนวนมากมุงดูศพที่พงหญ้าริมทางรถไฟ ทราบชื่อภายหลังคือ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี สภาพนอนคว่ำหน้า สวมเสื้อกีฬาสีม่วง กางเกงวอร์มขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาวดำหลุดออกจากเท้า พบโทรศัพท์มือถือแตก หมวกกันน็อกหลุดจากศีรษะ ห่างศพเล็กน้อยพบรถจักรยานยนต์สีน้ำเงิน สภาพใหม่ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ล้มพังเสียหายอยู่ในพงหญ้า

จากการชันสูตรพบกะโหลกศีรษะด้านขวายุบ คอหัก เจ้าหน้าที่ตำรวจมอบให้กู้ภัยนำศพไปเก็บไว้ที่นิติเวช โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี

สอบถาม นายพัชระ อายุ 29 ปี พนักงานควบคุมท้ายขบวนรถไฟ เล่าว่า รถไฟขบวนที่ 555 ขนตู้สินค้ามาจากแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ปลายทางสถานีรถไฟ จ.หนองคาย เมื่อขับออกมาจากสถานีรถไฟ จ.อุดรธานี จนถึงที่เกิดเหตุ พนักงานขับรถไฟเห็นผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์มาจากฝั่งขวามือ กำลังจะข้ามทางรถไปไปฝั่งตรงข้ามอย่างกระชั้นชิด แต่ห้ามล้อไม่ทัน จึงชนผู้ตายเข้าอย่างจัง และได้จอดขบวนรถไฟและลงมาช่วยเหลือ แต่พบว่าเสียชีวิตแล้ว

ขณะที่ นายยุทธนา อายุ 34 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า บริเวณที่เกิดเหตุเป็นทางข้ามทางรถไฟที่ชาวบ้านทำขึ้นมาเอง และไม่มีเครื่องกั้นหรือสัญญาณเตือนเมื่อรถไฟมา ก่อนเกิดเหตุ ตนยืนอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร เห็นผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์จากชุมชนหนองเหล็กจะข้ามทางรถไฟมาชุมชนทุ่งสว่าง เป็นจังหวะเดียวกับที่ขบวนรถไฟมุ่งหน้ามาด้วยความเร็วและไม่มีเสียงเปิดหวูดสัญญาณ ผู้ตายคงไม่เห็นรถไฟมา จึงขี่รถจักรยานยนต์ข้ามตัดหน้าขบวนรถไฟกระชั้นชิด ทำให้รถไฟชนกระเด็นตกลงไปพงหญ้าเสียชีวิต ซึ่งฝากเตือนผู้ที่ข้ามทางรถไฟบริเวณนี้ให้จอดรถ และมองซ้ายมองขวาก่อนข้ามทาง

ทางด้าน นางกัลยา อายุ 62 ปี ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้ทางรถไฟ เผยว่า ตนไม่เห็นเหตุการณ์ตอนชน แต่ก็มาดู มีเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยครั้ง ส่วนตัวอยากให้เจ้าหน้าที่มาปิดจุดข้ามนี้ เพราะว่าอันตราย กลัวว่าสักวันจะเกิดกับลูกหลานตัวเอง

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปพบญาติผู้เสียชีวิต เพื่อแจ้งข่าว เมื่อญาติรู้ข่าวต่างร่ำไห้ด้วยความเสียใจ โดย น.ส.นุชนาฎ  อายุ 53 ปี ยายผู้ตาย เล่าว่า ตนเพิ่งกลับมาจากทำงาน แล้วอาบน้ำเข้านอน ส่วนผู้ตายเป็นลูกของลูกสาว ก่อนเกิดเหตุ ก็ไม่ได้พูดอะไรกับหลาน แต่เวลาประมาณ 09.00 น. เห็นหลานเดินไปหยิบกุญแจขี่รถออกจากบ้านไปเรียน แต่วิทยาลัยไม่ได้ไปทางนี้ ตนก็ไม่รู้ว่าทำไมหลานถึงไปเส้นทางนั้น

ด้าน น.ส.อารยา อายุ 36 ปี แม่ผู้ตาย เล่าว่า ตนมีลูก 4 คน ผู้ตายเป็นลูกคนที่ 2 ส่วนพ่อเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ผู้ตายเรียนอยู่วิทยาลัยอาชีวศึกษา แต่ไม่รู้ว่าทำไมขี่รถไปแถวนั้น ก่อนเกิดเหตุ 3 วัน ตนมีลางสังหรณ์ขนลุกตั้งแต่ขาทั้งสองข้างยันหัว และมีความรู้สึกว่าใจหายเหมือนเสียของรักอะไรซักอย่าง แต่ไม่รู้ว่าเสียอะไร ถ้าดวงวิญญาณลูกฟังอยู่ อยากบอกว่า อยากให้ลูกกลับมา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง