รวบชายแต่งตัวคล้ายตำรวจโชว์ภาพอนาจารผ่านเฟซบุ๊ก สุดท้ายไม่ได้เป็นตำรวจแต่เคยเป็นตำรวจบ้าน อ้างถูกสาวหลอกให้โอนเงินแลกภาพวาบหวิว ตนจึงได้ส่งรูปภาพของตัวไป ไม่คิดว่าจะหลุด
วันนี้ (6 ก.ค. 67) จากกรณีที่เพจ “กลุ่มแฉเชียงใหม่” ได้โพลต์ข้อความว่า “ตำรวจเชียงใหม่กับพฤติกรรมแบบนี้ เหมือนเขาทำเป็นเรื่องปกติมาก” พร้อมภาพชายมีอายุแต่งเครื่องแบบคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและมีภาพการสนทนาใน Messenger เป็นการส่งรูปภาพอนาจารของตัวเองให้บุคคลอื่น
ทาง พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้สั่งการ พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ และทำให้ภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองเชียงใหม่เสียหาย พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่สายตรวจลงพื้นที่ ติดตามหาบุคคลที่ปรากฏตามภาพของเพจกลุ่มแฉเชียงใหม่
โดยเจ้าหน้าที่ทราบว่า ชายคนดังกล่าวพักอาศัยอยู่แถวบริเวณ หลังร้านขายดอกไม้ร้านหนึ่งในตลาดดอกไม้ติดกับตลาดวโรรส อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จึงได้ติดตามตัวจนพบและเข้าแสดงตัวทำการตรวจค้นสอบถาม ทราบชื่อคือ นายดำรงค์ อายุ 50 ปี พร้อมของกลางชุดเครื่องแบบของอาสาสมัครตำรวจบ้าน, กระบอง, หมวกกันน็อกสายตรวจ, เข็มขัดสนาม และเสื้อกั๊กสีส้ม ก่อนที่จะนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองเชียงใหม่
ทาง พ.ต.ต.วิษณุ นวนมุสิด สวป.สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้สอบปากคำนายดำรงค์ ซึ่งนายดำรงค์รับสารภาพว่า ตนได้กระทำความผิดจริงตามที่ปรากฏในโลกโซเชียลมีเดีย และอ้างว่าถูกสาวหลอกให้โอนเงินเพื่อที่จะได้แลกภาพวาบหวิว ตนจึงได้ส่งรูปภาพของตัวไป จากนั้นตนไม่คิดว่าจะเกิดภาพหลุดออกไปและเกิดเป็นกระแส ทำให้ภาพลักษณ์ของตำรวจเชียงใหม่เกิดความเสียหาย
ขณะที่ พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ เผยว่า นายดำรงค์ไม่ใช่ข้าราชการตำรวจ แต่เคยเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้านของ สภ.เมืองเชียงใหม่ แต่ด้วยการปฏิบัติตนและมีวินัยที่ไม่ดี จึงได้ให้พ้นสภาพไปหลายปีแล้ว ปัจจุบันมีอาชีพรับจ้างและช่วยเหลืองานร้านขายดอกไม้ เรื่องเเต่งกายคล้ายชุดตำรวจ ถ่ายภาพลงสื่อโซเซียล ทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิดว่าตนเป็นตำรวจ นั้น นายดำรงค์รับว่าชอบอาชีพตำรวจมาก อยากแต่งเครื่องแบบตำรวจแต่ตนไม่มีโอกาส เมื่อได้โอกาสได้เป็นอาสาสมัครตำรวจบ้าน จึงได้ชอบแต่งกายชุดตำรวจถ่ายรูป ลงสื่อโซเซี่ยล แต่ตนไม่ได้เป็นนานแล้ว แต่ก็เอารูปเก่ามาลงบ้างจนทำให้คนอื่นเข้าใจผิดจึงฝากขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจเชียงใหม่ที่ทำให้เสียชื่อเสียงและทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดี
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา
1.นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไป อาจเข้าถึงได้
2.การแต่งกายสวมเครื่องแบบ หรือประดับเครื่องหมาย ของเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่ามีสิทธิ ” ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป