พบเเล้วชายชาวญี่ปุ่น ป่วยตาย ที่ จ.เชียงใหม่

View icon 88
วันที่ 7 ส.ค. 2567 | 06.03 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - ตามต่อคดีที่เรานำเสนอไปเมื่อวานนี้ กรณีชายชาวญี่ปุ่น หลบหนีประกันตัวคดียักยอกทรัพย์ ที่แม่แจ้งความเป็นบุคคลสูญหายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตำรวจตามหาตัวเจอแล้ว พร้อมกับข่าวร้ายว่า ชายคนนี้เสียชีวิตแล้ว แต่ที่น่าสงสัยคือ แล้วใครสวมรอยส่งอีเมลมาขอเงินจากแม่กันแน่

เบาะแสที่ได้จากการแจ้งความ แม่ของชายชาวญี่ปุ่นผู้สูญหาย บอกว่า ติดต่อกับลูกชายครั้งสุดท้าย 30 กันยายนปี 2564 เป็นการพูดคุยกันทางไลน์

ข้อมูลต่อมาพบว่า ชายชาวญี่ปุ่น เข้าไทยวันที่ 5 มีนาคม ปี 2563 ต่อวีซาครั้งสุดท้ายที่ ตม. จังหวัดนครสวรรค์ ปี 2564 อยู่ได้ถึงปี 2565 ไม่พบบันทึกข้อมูลการเดินทางออกนอกประเทศ

ตำรวจเจอข้อมูลว่า ปี 2565 ชายญี่ปุ่นคนนี้กับเพื่อน ถูกจับกุมคดียักยอกทรัพย์หลักแสนบาท ยักยอกทรัพย์ธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องออกกำลังกาย ถูกส่งฟ้องศาลแขวงพระนครใต้ แล้วหลบหนีประกันตัวในชั้นศาล จนถูกออกหมายจับ

เบาะแสสุดท้ายได้มาปีที่แล้ว แม่ได้รับอีเมล 2 ครั้ง ครั้งแรก 9 มิถุนายน แจ้งว่าลูกป่วยหนัก ต้องการใช้เงินเป็นค่ารักษา จึงโอนเงินไป 1 ล้านเยน จากนั้น 21 มิถุนายน อีเมลส่งมาเขียนว่าต้องการใช้เงินอีก 300,000 เยน แต่ไม่ได้โอนไปให้

ผ่านไป 1 วัน ตำรวจได้ข้อสรุปออกมา พบว่าหลังจากชายชาวญี่ปุ่นกับเพื่อนถูกจับ ภรรยาของเพื่อนได้ยื่นประกันตัววางหลักทรัพย์คนละ 100,000 บาท

ต่อมาตำรวจเรียกตัวหญิงคนนี้มาสอบปากคำฐานะพยาน ทราบข่าวร้ายว่า ชายชาวญี่ปุ่นที่กำลังตามหา เสียชีวิตที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 8 มิถุนายน แพทย์ลงความเห็นว่าเสียชีวิตเพราะปอดติดเชื้อ

ซึ่งเรื่องนี้แจ้งให้แม่ทราบเรื่องแล้ว และแม่ไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต แต่ที่ตำรวจสงสัยคือใครสวมรอย ขอให้แม่ผู้เสียชีวิตโอนเงินให้กันแน่

ไม่ได้มีแค่เรื่องหลอกให้โอนเงินเท่านั้น แต่ยังพบข้อมูลการใช้บัตรเครดิตของหนุ่มชาวญี่ปุ่น ซึ่งยังใช้เรื่อยมาจนถึงปีนี้ด้วย

สำหรับเพื่อนชาวญี่ปุ่น ตอนนี้ถูกคุมตัวมาสอบสวนอยู่ที่ สน.คลองตัน เจ้าตัวบอกกับสื่อมวลชนเป็นภาษาญี่ปุ่น แปลได้ว่า "ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น"

ภายหลังการสอบปากคำ นายบี เพื่อนสนิท ที่ถูกดำเนินคดีด้วยกัน ซึ่งหนีหมายจับของศาล ล่าสุด การสอบปากคำเสร็จสิ้นเมื่อช่วงค่ำ โดยยอมรับสารภาพว่า เป็นคนส่งอีเมล ไปขอเงินแม่ของเพื่อนสนิทที่เสียชีวิต และยังใช้บัตรเครดิตของเพื่อนที่เสียชีวิตอีกด้วย เมื่อเพื่อนตายก็ไม่ยอมบอกครอบครัว เพราะต้องการฉวยโอกาสลวงเงินจากเเม่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง