เต้ มงคลกิตติ์ ยื่นดำเนินคดี พิธากับพวก ล้มล้างสถาบัน-กบฎ

View icon 166
วันที่ 8 ส.ค. 2567 | 13.14 น.
ช่าวออนไลน์7HD
แชร์
"เต้ มงคลกิตติ์" ยื่นดำเนินคดี "พิธา" กับพวกพรรคก้าวไกล ล้มล้างสถาบัน-กบฎ ยันไม่ได้หิวแสง-เหยียบซ้ำ แต่กลับสงสารหลงเดินทางผิด

8 ส.ค. 67 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อและอดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ นำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่มีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล 10 ปี ส่งผลให้มี ส.ส. 6 คน ที่ต้องหลุดจากการทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ไปร้องต้องพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีกับนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดรวม 11 คน ว่าเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 วรรค 1 ฐานล้มล้างสถาบันการปกครอง และเป็นกบฎ หรือไม่

โดยนายมงคลกิตติ์ เปิดเผยว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมของพรรคก้าวไกลในการหาเสียงเรื่องยกเลิก ม.112 เป็นพฤติกรรมร้ายแรง และคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญก็มีผลผูกพันธ์กับทุกองค์กร ดังนั้นในฐานะที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้รักษากฎหมาย ก็ขอให้ดำเนินคดีอาญาด้วย ซึ่งตนเองก็พร้อมจะเป็นพยานในคดี / ส่วนประชาชน 14 ล้านเสียงที่เลือกพรรคก้าวไกล ถือว่าไม่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการกระทำความผิด เพราะกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับเฉพาะพรรคการเมือง

พร้อมยืนยันว่าที่ตนเองออกมาร้องทุกข์ครั้งนี้ไม่ได้หิวแสง และไม่ได้ต้องการเหยียบย่ำซ้ำเติม แต่ตนเองต่อต้านการนำนโยบายยกเลิก ม.112 มาหาเสียงตั้งแต่ต้นที่ตนเองอยู่พรรคไทยศรีวิไลย์แล้ว และร้องทุกข์ต่อต้านเรื่องนี้มาโดยตลอด

ส่วนหลังจากนี้ตนเองมองว่า สส.พรรคก้าวไกล ที่จะย้ายไปอยู่พรรคใหม่ สามารถนำนโยบายเดิม 300 ข้อมาสานต่อได้ เพราะถือเป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม แต่ต้องไม่ใช้นโยบายปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ และนโยบายยกเลิกแก้ไข ม.112 เพราะจะทำให้กรรมการพรรคชุดใหม่ และสส. ในพรรค ไม่ปลอดภัย ยิ่งหากพรรคก้าวไกลยังยึดมั่นในการแก้ไข ม.112 เพื่อช่วยเหลือนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก็ยิ่งเป็นเรื่องไม่เหมาะสม แต่หากพรรคคิดได้ ไม่แตะต้องการปฏิรูปสถาบันและม.112 ก็จะเป็นประโยชน์ต่อคดีของนายพิธา ทำให้อาจได้รับการผ่อนปรนด้วย

โดยนายมงคลกิตติ์ ยังบอกด้วยว่า สงสารนายพิธา ไม่อยากให้ถลำลึกไปมากกว่านี้ เพราะตนเองเห็นว่าช่วงหลังๆ นายพิธาก็ดูสำนึก และแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดี สิ่งที่ทำไปก่อนหน้านี้อาจทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออาจมีบุคคลบางกลุ่มชักใยอยู่เบื้องหลัง ซึ่งตอนนั้นนายพิธาอายุยังน้อย ก็ผิดพลาดกันได้ และหากปัจจุบันรู้สำนึก ก็อาจเป็นเหตุให้โทษเบาบางลงหากมีการดำเนินคดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง