ห้องข่าวภาคเที่ยง - เมื่อวานนี้ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ "บิ๊กโจ๊ก" พลตำรวจเอก สุรเชชษฐ์ หักพาล พ้นจากตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. มีผลตั้งแต่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา แล้วแบบนี้ จะเท่ากับว่า "บิ๊กโจ๊ก" จะไม่ได้กลับมาเป็นตำรวจอีกแล้วอย่างนั้นหรือเปล่า ก็ต้องบอกว่า ไม่ใช่เสียทีเดียว
ข้อมูลที่ประกาศลงใน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เนื้อหาสำคัญ เป็นการรับสนองพระบรมราชโอกาง หลังจากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ พลตำรวจเอก สุรเชชษฐ์ หักพาล ตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกจากราชการไว้ก่อน ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567
เนื่องจากถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวน และขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พ้นจากตำแหน่ง และต่อมาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พ้นจากตำแหน่งแล้ว ก็มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้บุคคลดังกล่าว พ้นจากตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567
เท่ากับว่าตอนนี้ "บิ๊กโจ๊ก" มีสถานะเป็นอดีต รอง ผบ.ตร. ไม่ได้รับเงินเดือน หรือ ตำแหน่งใด ๆ มีผลตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน เป็นต้นมา แต่จะเท่ากับว่าปิดประตูทั้งหมดเลยไหม ก็ต้องบอกว่าไม่ เพราะประตูบานสุดท้ายอยู่ที่ ศาลปกครองสูงสุด เหมือนที่เราเคยนำเสนอไปว่า ยังมีเวลาในกรอบ 90 วัน ที่จะยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หากสุดท้าย "บิ๊กโจ๊ก" ชนะ นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเป็นใคร จะต้องนำความขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อขอให้ "บิ๊กโจ๊ก" กลับเข้าดำรงตำแหน่งเป็น "รอง ผบ.ตร." ดังเดิม ได้รับเงินเดือนย้อนหลัง และยังมีโอกาสที่จะยังได้เป็น "ผบ.ตร." อีกครั้ง
ส่วนเรื่องผลสอบสวนคดีวินัยร้ายแรงที่เรียกว่าเป็นดาบที่สอง รอจะฟัน "บิ๊กโจ๊ก" เมื่อวานมีการประชุมเรื่องนี้กันแต่ก็ยังไม่จบ เพราะต้องรอสอบพยานอีก 5 ปาก วันที่ 21 สิงหาคม 2567 คาดว่าจะได้ข้อสรุปไม่เกินสิ้นเดือนนี้
