วันนี้ (26 ส.ค. 67) นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 67 ที่ผ่านมา กรมศุลกากร โดย ด่านศุลกากรมุกดาหาร ร่วมกับ สำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 และ กองสืบสวนและปราบปราม ร่วมกันตรวจสอบตู้สินค้าที่มีต้นทางจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พบตู้สินค้าที่มีการบรรทุกสินค้าเกินกว่าที่สำแดงในใบขนสินค้าขาเข้า จึงทำการเข้าตรวจค้นสินค้า ผลการตรวจค้น พบสินค้าที่ไม่ได้สำแดงตามใบขนสินค้าและเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้า คือ บุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง จำนวน 128,130 ชิ้น มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท
สำหรับกรณีดังกล่าวเป็นความผิดฐานสำแดงข้อมูลไม่ถูกต้อง/ครบถ้วน หลีกเลี่ยงอากร และหลีกเลี่ยงข้อห้ามข้อจำกัดอันเกี่ยวกับของนั้น อันเป็นความผิดตามมาตรา 202 243 244 และ 252 และเป็นของที่พึงต้องริบตามมาตรา 166 และ 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และเป็นภัยต่อสังคม
โฆษกกรมศุลกากร กล่าวต่ออีกว่า ในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หน่วยงานในกรมศุลกากรยังมีการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าที่มีการลักลอบนำเข้าทั่วประเทศ อาทิ กองสืบสวนและปราบปราม สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ด่านศุลกากรในสังกัดของสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 สำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 เช่น ด่านศุลกากรมุกดาหาร ด่านศุลกากรนครพนม ด่านศุลกากรแม่สาย ด่านศุลกากรชุมพร ด่านศุลกากรสงขลา เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สถิติในการจับกุมผู้กระทำความผิดลักลอบนำบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์เข้ามาในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 66 ถึงวันที่ 25 ส.ค. 67 มีจำนวน 343 คดี ปริมาณกว่า 1.2 ล้านชิ้น มูลค่า 92,008,066 บาท