ลูกสาวแจ้งความเอาผิดผู้ใหญ่บ้าน หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกายแม่วัย 59 ปี จน ฟันหักเลือดกบปาก เนื่องจากไม่พอใจเรื่องที่เลี้ยงวัว
วานนี้ (27 สิงหาคม 2567) นางสาววรรณา อายุ 31 ปี ได้แจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมเร่งนำนางเกษม อายุ 59 ปี ผู้เป็นแม่ ส่ง โรงพยาบาลพัทลุง หลังได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายร่างกาย จนเลือดกบปาก ฟันหักไป 1 ซี่ นอกจากนั้นบริเวณร่างกายและใบหน้ามีบาดแผลฟกช้ำ น่วมไปทั้งตัว ล่าสุดแพทย์ต้องให้น้ำเกลือและให้นอนรักษาตัวที่ รพ.พัทลุง
นางเกษม ผู้บาดเจ็บ และนางสาววรรณา ลูกสาว บอกกับทีมข่าวว่า ผู้ก่อเหตุ คือ นายพงษ์พันธ์ ผู้ใหญ่บ้าน ใน อ.เมือง จ .พัทลุง เหตุการณ์เกิดขึ้นขณะที่ นางเกษม กำลังไปเอาฝูงวัวที่ล่ามไว้บนที่ดินของเพื่อนบ้านกลับเข้าคอก ก็ได้เจอกับผู้ใหญ่บ้าน กำลังไปต้อนฝูงวัว ที่ปล่อยเลี้ยงไว้ในที่ดินของแห่งเดียวกันกลับเข้าคอกเช่นกัน
ขณะที่นางเกษม กำลังต้อนวัวอยู่นั้น ผู้ใหญ่บ้านได้เข้ามาต่อว่า ทำนองไม่พอใจที่นางเกษม เอาฝูงวัวที่เลี้ยงมาปล่อยเลี้ยงในที่ดินแห่งเดียวกัน และห้ามไม่ให้นางเกษม นำวัวของเธอมาปล่อยเลี้ยงที่ดินดังกล่าวอีก แต่นางเกษม บอกว่าเธอขออนุญาตเจ้าของที่แล้ว ให้เจ้าของที่มาพูดกับเธอเอง และเธอบอกว่าวัวของเธอมีไม่กี่ตัว ผู้ใหญ่บ้านมีวัวที่นำมาเลี้ยงในที่ดินดังกล่าวมากกว่าอีก เธอยืนยันจะเลี้ยงในที่ดินดังกล่าว จนเกิดการโต้เถียงกันขึ้น
ทำให้ผู้ใหญ่บ้านไม่พอใจ ปรี่เข้าไปทำร้ายร่างกายนางเกษม ทั้งแตะทั้งต่อย ตบและถีบ นางเกษม ต้องยกมือไหว้ ร้องขอชีวิต ห้ามว่าอย่าทำร้ายเธอ อย่าทำแบบนี้เพราะไม่ใช่ใครมาจากไหน คนในหมู่บ้านเดียวกัน ทั้งเธอคือลูกบ้าน แต่ผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ฟัง เธอร้องขอความช่วยเหลือก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย หลังซ้อมเธอจนหนำใจ ยังไม่ขู่เธอด้วยว่า หากเรื่องนี้ถึงโรงพัก กูจะเอาให้ถึงที่สุดตอนนี้เธอและครอบครัวอยู่ด้วยความหวาดกลัว เธอบอกว่าเพราะผู้ใหญ่มีอิทธิพลในพื้นที่
แต่เธอก็ขอแจ้งความ เพราะผู้ใหญ่บ้าน ทำเกินไป ถือพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำและครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เมื่อประมาณเกือบ 10 ปี นางเกษม เคยถูกบิดาของผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว ตบหน้าหลังทะเลาะกันเรื่องวัวของเธอไปกินหญ้าที่แปลงของครอบครัว ผู้ใหญ่บ้าน เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ทั้งสองครอบครัวมีเรื่องระหองระแหงกันมาบ่อยครั้ง
อย่างไรก็ดีนางสาววรรณา บุตรสาวนางเกษม คนเจ็บบอกว่า หลังจากนี้ทางครอบครัวของเธอจะทำเรื่องร้องเรียนให้การตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ใหญ่บ้านไปยังทางอำเภอ และทางผู้ว่าราชการจังหวัดอีกทางหนึ่งด้วย