เรือนจำกลางขอนแก่น ฝึกสอนครูมวยรุ่นแรก พร้อมสอนทำมงคล และประเจียดมวยให้เป็นอาชีพติดตัวไปหลังพ้นโทษ โดยมีครูมวยจากยิมต่างๆและอดีตนักกีฬาดาวรุ่งร่วมฝึกสอน
28 ส.ค. 67 ที่เรือนจำกลางขอนแก่น นักโทษชายให้ความสนใจชมการฝึกมวยไทย หลังจากที่เรือนจำกลางขอนแก่น ได้ฝึกสอนอาชีพให้แก่นักโทษได้มีวิชาความรู้ในด้านมวยไทย และ มวยสากล โดยเป็นครั้งแรกที่ทางเรือนจำกลางขอนแก่น ได้มีการฝึกสอนนักโทษให้เป็นครูมวย แทนการเป็นนักมวยเหมือนที่ผ่านๆมา ซึ่งเป็นนโยบายของทางกระทรวงยุติธรรม เพื่อส่งเสริมคืนคนดีสู่สังคม สามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุขและไม่หวนกลับไปกระทำผิดช้ำ โดยมีการฝึกสอนเป็นครูมวยตั้งแต่การไหว้ครูจนไปสู่การเป็นครูมวยเพื่อส่งต่อความรู้ในกีฬามวยไทยและมวยสากลให้กับนักมวยได้ และสอนวิธีการถักมงคล และ ประเจียดนัดมวยสร้างรายได้ ซึ่งปัจจุบัน มงคล และ ประเจียดนักมวยมีการจำหน่ายอยู่ที่ราคาตั้งแต่ 500-1200 บาท โดยการทำแต่ละชิ้นใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ทั้งลายสันหลังมังกร และลายตะขาบ ซึ่งมีความละเอียดปราณีตสร้างความชื่นชอบให้กับผู้ที่ชอบมวยโดยเฉพาะชาวต่างชาติที่ทุกวันนี้ กีฬามวยไทยเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในระดับโลก
นายจักร ลิ่มบุตร ผู้บัญชาการเรือนจำกลางขอนแก่น กล่าวว่า ทางกรมราชทัณฑ์ได้มีนโยบายในการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูและพัฒนาพฤติกรรมนิสัยผู้ต้องขัง โดยการส่งเสริมให้เรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศดำเนินการอบรมวิชาชีพต่างๆ ให้แก่ผู้ต้องขัง เพื่อให้ผู้ต้องขังเกิดทักษะความรู้ความสามารถ และมีแนวทางเพื่อเลี้ยงตนเอง สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสังคมภายหลังพันโทษได้โดยปกติ และเพื่อสร้างทางเลือกและโอกาสให้กับผู้ต้องขังสามารถมีอาชีพภายหลังพ้นโทษ และยังเป็นการพัฒนาศักยภาพ ทักษะอาชีพ ให้ผู้ต้องขังมีอาชีพสามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ภายหลังพ้นโทษอีกด้วย ซึ่งมีต้องขังที่ได้รับการฝึกวิชาชีพผู้ฝึกสอนมวยไทย จำนวน 40 คน และเป็นรุ่นแรกที่ฝึกสอนอาชีพครูมวยให้ และได้ความรับร่วมมือจากวิทยากร ซึ่งเป็นครูมวยผู้มีประสบการณ์ภายในจังหวัดขอนแก่น ให้เกียรติมาให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการอบรมด้วย ซึ่งจากการฝึกอบรมวิชาชีพครูมวย สามารถตอบสนองความต้องการของวงการกีฬามวยไทย และเป็นการสืบสานศิลปะวัฒนธรรมประจำชาชาติไทย ซึ่งผู้ต้องขังที่ผ่านการฝึกวิชาชีพตามโครงการฯ สามารถนำความรู้ที่ได้ได้ไปประกอบอาชีพสุจริตเลี้ยงตนเองได้ ทั้งยังยังเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย เพื่อคืนคนดีสู่สังคมตามนโยบายของกรมราชทัณฑ์ต่อไป
