ภัยร้ายรถตู้รับ-ส่งนักเรียน เด็กหญิง ม.2 ผวา โดนโชเฟอร์หื่น ล้วงจับหน้าอก

ภัยร้ายรถตู้รับ-ส่งนักเรียน เด็กหญิง ม.2 ผวา โดนโชเฟอร์หื่น ล้วงจับหน้าอก

View icon 141
วันที่ 3 ก.ย. 2567 | 18.12 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ภัยร้าย! รถตู้รับ-ส่งนักเรียน แม่ลุยแจ้งความ หลังลูกสาว ชั้น ม.2 โดนโชเฟอร์หื่น ล้วงเสื้อจับหน้าอก จนร้องไห้ผวา

ภายหลังจากที่ นายกฤษฎา โลหิตดี หรือทนายโนบิ ได้พา น.ส.น้อย (นามสมมุติ) อายุ 41 ปี ชาว จ.อุดรธานี และ ด.ญ.กระแต อายุ 13 ปี ลูกสาว เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี หลังจากลูกสาว ถูกนายสน อายุ 58 ปี  ซึ่งว่าจ้างให้ขับรถตู้รับส่งที่โรงเรียน แต่ได้ใช้มือล้วงเข้าในเสื้อนักเรียนลูบคลำหน้าอก เหตุเกิดเมื่อเช้าวันที่ 26 ส.ค. 67 ที่ผ่านมา 

โดยความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (3 ก.ย. 67) น.ส.น้อย ได้เดินทางมาเข้าพบ พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อให้ข้อมูลเรื่องดังกล่าวเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังจากนั้นได้ไปให้ข้อมูลกับ พ.ต.ท.ธีรภาพ ภูขันซ้าย สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ร้อยเวรเจ้าของคดี ซึ่ง ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ได้กำชับให้ทำคดีอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย เบื้องต้นจะออกหมายเรียกให้นายสน มาเข้าพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

น.ส.น้อย เล่าว่า ลูกสาว เรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน อ.เมือง ซึ่งตนมีบ้านพักอยู่ที่ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี จึงได้ว่างจ้างนายสน ให้ขับรถตู้รับส่งไปโรงเรียนทุกวัน จันทร์-ศุกร์ ว่าจ้างมาได้ปีกว่าแล้ว เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นช่วง 07.00 น. วันที่ 26 ส.ค. นายสน ได้ขับรถตู้ไปส่งเด็กนักเรียนคนอื่นที่โรงเรียนอื่นหมดแล้ว เหลือลูกสาวของตน อยู่บนรถกันสองต่อสอง ซึ่งกำลังจะไปส่งที่โรงเรียน

"ระหว่างติดไฟแด งตรง 3 แยกหน้าโรงเรียน นายสน ได้ใช้มือซ้ายล้วงเข้ามาในเสื้อนักเรียน ลูบไล้ที่หลังก่อนแล้วลามมาที่หน้าอก ตอนนั้นลูกสาวตกใจมาก ได้ผลักมือนายสน ออก พยายามขัดขืน แล้วต่อว่านายสน ไปว่า อย่ามาทำแบบนี้กับหนูนะ หนูโตแล้ว ทำแบบนี้กับหนูไม่ได้ พอไปถึงหน้าโรงเรียน ลูกสาวก็รีบเปิดประตูลงไปทันที ลูกสาวได้ร้องไห้ตกใจกลัวมาก จากนั้นนายสน ก็ตะโกนบอกว่า อย่าร้องไห้นะ อย่าไปบอกแม่หรือครู เพราะเขาจะเข้าใจผิด แล้วลูกสาวก็เข้าไปในโรงเรียน"

น.ส.น้อย เล่าอีกว่า วันนั้นทั้งวันลูกสาวร้องไห้อยู่ตลอด ระหว่างซ้อมวอลเลย์บอลกับเพื่อน เพื่อนเขาก็เข้ามาถามจนรู้เรื่องทั้งหมด เพื่อนลูกสาวจึงโทรมาบอกตนในช่วงเย็น ระหว่างนั้นก็โทรหาลูกสาว ถามเขาว่าทำไมไม่บอกแม่ ลูกก็บอกยังตกใจและสับสนอยู่ และตั้งใจจะกลับมาบอกที่บ้าน ขณะเดียวกันลูกสาวก็กลับบ้านด้วยรถตู้นายสน เหมือนเดิม ซึ่งนายสน ถามว่า โกรธเหรอ ลูกสาวก็ตะโกนกลับไปว่า อย่ามายุ่งกับหนู เมื่อมาถึงบ้านลูกสาว ก็มาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง

"ขณะคุยกับลูกสาวอยู่ในห้องนอน นายสน ก็มาหาที่บ้าน เพื่อจะมาเจรจาเรื่องดังกล่าว เมื่อคุยกับลูกสาวเสร็จ ตนก็โทรหาแม่ตัวเองให้มาช่วยรับฟังด้วยกัน แล้วจึงลงไปหานายสน เขาก็ยอมรับผิด ยอมรับว่าทำจริง แต่ทำไปเพราะความเอ็นดูเหมือนลูกหลาน อยากจะให้รับผิดชอบอย่างไรก็ให้ว่ามาเลย เราไม่ได้ต้องการเงินทองอะไร สิ่งที่เสียไปคือความรู้สึกของลูกสาว สงสารเขาที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ สภาพจิตใจลูกแย่มาก เขาร้องไห้อยู่ตลอด ตอนนั้นตนก็ไม่ยินยอมตกลงไกล่เกลี่ย เขาก็กลับไป เพราะตนยืนยันจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด เพราะมันเป็นภัยสังคม"

น.ส.น้อย กล่าวอีกว่า ตนเป็นอดีตพยาบาลเคยทำงานที่ กรุงเทพฯ ลูกสาวเรียนชั้นประถมที่ กรุงเทพฯ แต่ได้ย้ายกลับมาเรียนที่ จ.อุดรธานี ตอน ม.1 ลูกสาวมาอยู่กับยายก่อน ตนเพิ่งย้ายตามมาได้ไม่ถึงปี มาทำสวนอยู่ที่ อ.หนองแสง กับสามี ตอนแรกมีเพื่อนบ้านแนะนำนายสน ให้มารับส่งลูกสาว ต่อไปก็จะไปรับไปส่งเองก่อน แล้วจะหารถรับส่งเจ้าอื่นมาแทน

เบื้องต้น ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ไปหานายสน เพื่อขอข้อมูลที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่นายสน ตอบปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ ยังไม่พร้อมให้ข้อมูลอะไรในตอนนี้ บอกเพียงว่า เป็นเรื่องเข้าใจผิด และจะให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในภายหลัง ซึ่งจากตรวจสอบข้อมูลพบว่า นายสน เคยเป็นสารวัตรกำนัน ต.บ้านตาด เคยทำงานเป็นลูกจ้างกับฝ่ายปกครอง อ.เมืองอุดรธานี อยู่ช่วงระยะหนึ่ง เพิ่งลาออกมาเมื่อปี 2556 ปัจจุบันยังเป็น ชรบ. และเป็นอาสาตำรวจ แต่ประกอบอาชีพขับรถตู้รับส่งนักเรียนเป็นหลัก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง