ตำรวจไซเบอร์รวบสาวเบญจเพส มีหมายจับติดตัว 3 หมาย พบเป็นเครือข่ายอ้างบริษัทบัตรเครดิต แอบอ้างเป็นตำรวจเก๊คุยกับเหยื่อ ตีเนียนแทรกเสียงวิทยุ ให้เหมือนจริง
วันนี้ ( 4 ก.ย.67 ) หลังมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ย.65 ได้มีผู้หญิงโทรเข้ามาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทบัตรเครดิตแห่งหนึ่ง แจ้งว่าได้เปิดบัตรเครดิตที่ธนาคารแห่งหนึ่ง สาขานครราชสีมา และใช้บัตรไปรูดเงินซื้อทองคำ ในราคา 98,653 บาท เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ผู้เสียหายปฏิเสธไม่ใช่เจ้าของบัตร หญิงปลายสายจึงแนะนำให้แจ้งความกับตำรวจ
จากนั้นมิจฉาชีพโอนสายไปให้ชายปริศนาที่อ้างตัวเป็นตำรวจ ให้ผู้เสียหายแอดไลน์ชื่อ “สภ.เมืองนครราชสีมา” ส่งรูปบัตรตำรวจให้ดู และขอข้อมูลส่วนตัวผู้เสียหายเพื่อไปตรวจสอบ โดยขณะคุยสายนั้น มีการสร้างสถานการณ์โดยมิจฉาชีพให้บุคคลที่ 3 แสร้งทำเป็นพูดวิทยุเข้ามา และเอ่ยชื่อผู้เสียหาย พร้อมพูดว่าพบการพัวพันกับคดีฟอกเงินโดยมีความเกี่ยวพันกันหลายคน
ต่อมามิจฉาชีพขอข้อมูลว่าผู้เสียหายมีบัญชีธนาคารของแต่ละธนาคารกี่บัญชี และใช้งานแอปของธนาคารใดบ้าง และมีเงินในบัญชีเท่าไหร่ ผู้เสียหายหลงเชื่อให้ข้อมูลไป มิจฉาชีพจึงส่งเอกสารที่อ้างว่ามาจาก ป.ป.ง. ขอตรวจสอบเส้นทางการเงิน แจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินไปตรวจสอบ รวมทั้งสิ้น 197,599 บาท เมื่อรู้ตัวว่าโดนหลอกลวงจึงได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้ตำรวจในสังกัด ร่วมกันสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว สามารถขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ร่วมกระทำผิดได้หลายราย กระทั่งเย็นวันที่ 3 ก.ย. 67 พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 ได้สั่งการให้ ชุดสืบสวนออกติดตามจับกุมตัว 1 ในผู้ต้องหาของขบวนการ สามารถจับกุมตัว นางสาวศิริวรรณ อายุ 25 ปี ชาวพิจิตร ฐาน“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” โดยจับกุมได้บริเวณ สถานีรถไฟอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา นำส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
เบื้องต้น นางสาวศิริวรรณ ให้การภาคเสธ ยอมรับว่าเป็นเจ้าของบัญชีที่ใช้หลอกให้โอนเงินจริง โดยรู้จักกับคนที่ว่าจ้างผ่านทางเฟชบุ๊ก ได้ค่าตอบแทนบัญชีละ 1,000 บาท แต่จากการสืบสวน ของตำรวจ พบอีกว่า นางสาวศิริวรรณ ยังมีหมายจับ อีก 2 หมาย คือ หมายจับศาลอาญาตลิ่งชัน และหมายจับศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน
