รวบมือฆ่าปาดคอสาวโรงงาน ชาวกัมพูชาได้แล้ว ผู้ก่อเหตุคือชายชาวกัมพูชา เหมือนกัน

รวบมือฆ่าปาดคอสาวโรงงาน ชาวกัมพูชาได้แล้ว ผู้ก่อเหตุคือชายชาวกัมพูชา เหมือนกัน

View icon 136
วันที่ 4 ก.ย. 2567 | 15.23 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
รวบมือฆ่าปาดคอสาวโรงงาน ชาวกัมพูชาได้แล้ว ผู้ก่อเหตุคือชายชาวกัมพูชา เหมือนกัน อ้างบันดาลโทสะ ปมเหตุเกิดจากทะเลาะกับน้องชายผู้ตาย จึงไปหาที่ห้องเพื่อเคลียร์ปัญหา แต่น้องชายผู้เสียชีวิตไม่อยู่ และสาวผู้ตายถือมีดมาขู่ จึงคว้ามาฟัน-ปาดคอ 10 แผล

จากกรณีพบศพน.ส.มาบ เสือน อายุ 30 ปี สาวกัมพูชา ถูกคนร้ายใช้มีดปาดคอกว่า 10 แผล นอนเสียชีวิต ในห้องพักเลขที่ 11 หอพักอมรรัตน์ ใกล้บริษัทบีฟู้ด หมู่ที่ 5 ต.ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า จากทาง พ.ต.อ.ชยชัย นาธนกาณจน์ ผกก.สภ.พัฒนานิคม รับรายงานว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เข้าตรวจค้น หอพัก แห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่1 ซ.12-13 ต.ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี หลังสืบทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุ กบดานที่หอพักดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอพัฒนานิคม จึงได้เข้าตรวจค้นและพบตัวผู้ต้องสงสัยทราบชื่อ นายอางซอม ชาวกับพูชา ซึ่งทำงานอยู่บริษัทเดียวกับผู้ตาย และพบรองเท้าและเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนเลือดทิ้งอยู่ในถังขยะ จึงเชิญตัวมาทำการสอบสวน ตอนแรกผู้ต้องหาไม่ยอมรับสารภาพ จึงได้สืบสวน และขยายผล จนผู้ต้องหาจำนนต่อหลักฐาน

โดยผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า สาเหตุที่ได้ก่อเหตุนั้น ตอนแรกเลยไม่ได้ต้องการที่จะมาฆ่าผู้เสียชีวิต ต้องการที่จะมาขอพบน้องชายผู้เสียชีวิต แต่น้องชายผู้เสียชีวิตไม่อยู่กลับบ้านที่กัมพูชาเพื่อไปงานศพ ได้พบกับผู้ตายและเกิดมีปากเสียงกับผู้ตาย จนผู้ตายไปคว้ามีดปังตอทำกับข้าว จะทำร้ายตัวเอง จึงได้เกิดการต่อสู้แย่งมีดกันขึ้น และแย่งมีดมาได้ จนทำร้ายผู้ตายจนเสียชีวิต และนำมีดที่ก่อเหตุไปทิ้งหลังหอพัก ก่อนขี่รถจักรยานยนต์หนีกลับห้องของตัวเอง โดยถอดเสื้อผ้าและรองเท้าทิ้งถังขยะในบริเวณหน้าหอพัก  

ขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีภรรยาและญาติผู้ต้องหาเดินทาง มาที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอพัฒนานิคม เพื่อขอเข้าเยี่ยมผู้ต้องหา แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรอำเภอพัฒนานิคม ได้ปฏิเสธห้ามเยี่ยม กลัวเสียรูปคดี เวลาต่อมา ทางญาติเดินทางออกจากสถานีตำรวจภูธรอำเภอพัฒนานิคม ทันทีเดินทางกลับที่พักหลบกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ดักรออยู่ที่หน้าสถานีตำรวจฯ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง