เศรษฐีนีถูกเจ้าอาวาสยืมเงินเกือบ 10 ล้านไม่คืน ลั่นไปยึดโบสถ์ ยึดศาลาเอาเอง

เศรษฐีนีถูกเจ้าอาวาสยืมเงินเกือบ 10 ล้านไม่คืน ลั่นไปยึดโบสถ์ ยึดศาลาเอาเอง

View icon 204
วันที่ 4 ก.ย. 2567 | 17.23 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
เศรษฐีนีร้องสายไหมต้องรอด ถูกเจ้าอาวาสวัดดังย่านลำลูกกาคลอง 13 ยืมเงินเกือบ 10 ล้าน ไม่ยอมคืน ลั่นไปยึดโบสถ์ ยึดศาลาเอาเอง

วันนี้ (4 ก.ย. 67) นางกฤษณา อายุ 57 ปี นำหลักฐานเอกสารร้องนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด บอกว่าเธอถูกเจ้าอาวาสวัดชื่อดังย่านลำลูกกา ยืมเงินนานกว่า 20 ปี เป็นเงิน 9,200,000 บาท และไม่ยอมคืนเงิน บอกว่ามายึดโบสถ์ไปเลย ซึ่งเมื่อครบสัญญาคืนเงิน ป้าจึงมาปรึกษาสายไหมต้องรอดว่าสามารถยึดโบสถ์ได้จริงหรือไม่เพราะตอนนี้ป้าเดือดร้อนเพราะนางเอาเงินทั้งชีวิตไปให้เจ้าอาวาสยืมหมดแล้ว

นางกฤษณา บอกว่า ครอบครัวของตนเองเป็นโยมอุปัฏฐากวัดดังกล่าวมาตั้งแต่รุ่นพ่อ และเธอก็ไปทำบุญตั้งแต่สมัยสาวๆ กว่า 20 ปี จึงมีความคุ้นเคยกับวัดและรู้จักเจ้าอาวาสมานาน โดยเมื่อปี 2552 เจ้าอาวาสก็ถามว่า “ พอมีตังค์ใช่มั้ย จะขอยืมมาบูรณะซ่อมแซมวัด” ซึ่งก็ให้เพราะเคารพและศรัทธา จากนั้นเจ้าอาวาส ยืมเงินมาโดยตลอด ครั้งและหลักพันจนถึงหลักแสน มีทั้งเงินสดและโอนเข้าบัญชี โดยเงินสดจะให้ตนเอาไปให้ภายในกุฏิที่มีเพียงตนเองและเจ้าอาวาสอยู่ ส่วนถ้าหากโอนบัญชีจะให้โอนเข้าบัญชีส่วนตัวบอกหากโอนเข้าบัญชีวัดจะยุ่งยาก

ที่ผ่านมาตนเองพยายามทวงถามถึงเงินที่เจ้าอาวาสยืมไป แต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอดบอกว่าหากได้กฐิน ได้ผ้าป่า จะนำมาคืนให้แต่ก็ไม่เคยคืนให้สักที บอกให้ยึดโบสถ์ ยึดศาลา ยึดของในวัด ไปเลย พร้อมให้กุญแจโบสถ์มากับเธอเพื่อเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน

นางกฤษณา ยังบอกอีกว่า ถูกเจ้าอาวาสข่มขู่และทำร้ายร่างกาย ซึ่งเจ้าอาวาสใช้เท้าถีบมาที่ตนเอง แต่หลบได้ จากนั้นก็ถูกบีบคอ ตนเองตกใจมาก เลยบอกกลับไปว่าเป็นพระมาถีบทำไม ซึ่งเจ้าอาวาสปฏิเสธว่าไม่ได้ถีบแค่ใช้เท้ายัน แล้วมาถูกตัวสีกาได้อย่างไร เจ้าอาวาสวบอกว่าไม่ได้ถูกตัวแต่สีกามาถูกตัวเจ้าอาวาสเอง ส่วนที่ถูกบีบคอเจ้าอาวาสก็ขอโทษ บอกว่า ฉันเผลอตัว และยังพูดอีกว่ามาวัดไม่กลัวเหรอมีแต่คนเกลียดนะ

ตนเองเครียดมากจึงไปหาเจ้าคณะอำเภอซึ่งเจ้าคณะอำเภอ และเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ให้ เจ้าอาวาสมาทำสัญญารับสภาพหนี้ และบอกให้ชำระหนี้ทั้งหมดภายในสิ้นเดือนสิงหาคม แต่เมื่อถึงวันชำระก็ไม่ชำระ มีเพียงก่อนหน้านี้ไม่กี่วันที่ใช้มาเพียง 3,000 บาทเท่านั้น  และเมื่อถามว่าตั้งแต่ยืมเงินไปได้เห็นการเปลี่ยนแปลงภายในวัดหรือไม่ ก็บอกว่าวัดก็ยังเหมือนเดิมซ่อมอะไรก็ครึ่งครึ่งกลางกลางไม่เห็นมีการบูรณะ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเงินหายไปไหน

นางกฤษณา จึงมาปรึกษานายเอกภพ ว่าสามารถไปยึดโบสถ์ตามที่เจ้าอาวาสบอกได้หรือไม่ หากยึดได้ก็จะทำ ส่วนหากใครมาบวชก็ยังให้บวชตามปกติ ตนก็จะเก็บเงินผู้ที่มาบวชตามจิตศรัทธา

นางกฤษณา บอกว่าตอนนี้ตนเองเดือดร้อนเพราะเงินมรดกที่ได้มาจากพ่อคือเงินทั้งชีวิตแต่กลับถูกเจ้าอาวาสยืมไปจนหมด เครียดมาก คิดที่จะฆ่าตัวตายเตรียมยาไว้แล้วจะไปกินฆ่าตัวตายภายในวัด เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรทั้งที่ก็เป็นคนทำบุญและไม่คิดว่าเจ้าอาวาสจะมาหลอกเอาเงิน

ด้านนายเอกภพ บอกว่า ตามความจริงแล้วไม่สามารถยึดโบสถ์ได้แต่เมื่อเจ้าอาวาสทำเอกสารรับสภาพหนี้ทางผู้เสียหายสามารถไปฟ้องส่วนตัวและให้ยึดทรัพย์ที่เป็นซับส่วนตัวมาใช้นี้ได้ และจะประสานฝ่ายกฎหมายของสายไหมต้องรอดให้คำปรึกษาว่าสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้างรวมถึงได้ประสานท่านพระครูอ๊อด เจ้าอาวาสวัดสายไหม หรือเจ้าคณะอำเภอลำลูกกา ในการเจรจาชำระหนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง