ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกตรวจสอบร้านอาหารเปิดให้บริการคาราโอเกะ หลังมีชาวบ้านร้องเรียนเสียงดังจากเสียงเพลงถึงเช้า วัยรุ่นมั่วสุมยาเสพติดในห้องคาราโอเกะ พบยาเสพติดหลายชนิด ทั้งยาอี เค ยาแฮปปี้วอเตอร์ เตรียมพิจารณาสั่งปิด
5 ก.ย. 67 คลิปเหตุการณ์ขณะเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดขอนแก่น สนธิกำลังตำรวจ สภ.บ้านเป็ด จู่โจมเข้าตรวจสอบหลังได้รับเบาะแสร้องเรียนว่า ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ บ้านหนองขาม หมู่ 9 ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น เปิดให้บริการจนถึงเช้า มีเสียงดังรบกวนโดยเฉพาะเสียงเพลงจากห้องคาราโอเกะที่ร้านให้บริการอยู่ภายใน และมีกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะวัยรุ่นเข้ามามั่วสุม คาดว่ามีการใช้ยาเสพติดจำนวนมาก
โดยก่อนหน้านี้ได้ส่งสายลับลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น พบว่า ที่ร้านดังกล่าวมีการมั่วสุมเพื่อเสพยาเสพติดจริง และเปิดให้บริการจนถึงเช้า ซึ่งจากการเข้าตรวจสอบตามคลิปวิดีโอเมื่อเวลาประมาณ 15.30 น.วันที่ 4 ก.ย. 67 ที่ผ่านมา เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึง พบว่า ร้านดังกล่าว เปิดให้บริการในส่วนของห้องคาราโอเกะ จำนวน 2 ห้อง พบผู้ใช้บริการเป็นผู้ชาย 5 คน และผู้หญิง 6 คน
ในห้องที่ 1 โดยผู้ใช้บริการกำลังยืนเต้น ซึ่งมีดนตรีเปิดเสียงดัง และกำลังใช้จอคาราโอเกะ ส่วนในห้องที่ 2 ผู้ใช้บริการนั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและขอทำการตรวจสอบตามข้อร้องเรียน โดยทำการขอตรวจปัสสาวะเบื้องต้นหาสารเสพติดประเภทแอมเฟตามีน และเคตามีน โดยผู้ใช้บริการทั้งหมด 11 คน ยินยอมทำการตรวจ พบผลเป็นบวกจากสารเสพติดเคตามีน จำนวน 10 คน และพบเป็นผลบวกจากสารเมทแอมเฟตามีน จำนวน 1 คน
จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจค้น โดยให้ผู้ใช้บริการนำค้นบริเวณห้องคาราโอเกะทั้ง 2 ห้อง พบสารเสพติดประเภท Happy water จำนวน 2 ซอง ,สารเสพติดประเภทเคตามีน จำนวน 4 ซอง และพบสารเสพติดประเภทยาอี จำนวน 1 ซอง พร้อมทั้งตรวจยึดรถยนต์จำนวน 2 คัน และ รถจักรยานยนต์ 2 คัน ก่อนคุมตัวพร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านเป็ด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกันนี้ทางจังหวัดจะพิจารณาสั่งปิดสถานประกอบการดังกล่าว ตามคำสั่ง คสช. ที่ 22/2558 ตามขั้นตอนต่อไป
นายประจวบ รักแพทย์ ปลัดจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ทางชุดสืบสวนของฝ่ายปกครองจังหวัดขอนแก่นบูรณาการทำงานร่วมกับชุดสืบสวน สภ.บ้านเป็ด ในการสืบสวนหาข่าวเกี่ยวกับยาเสพติด และได้เบาะแสรวมทั้งข้อร้องเรียนในโซเชียลมีเดียจึงได้ทำการตรวจสอบก่อนที่จะเข้าจับกุม กระทั่งพบการกระทำความผิดดังกล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังตรวจค้นและตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าว ได้ดำเนินการจับกุม 1.นายเอกชัย อายุ 37 ปี พร้อมของกลาง วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (เคตามีน) บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส แบบกดปิด-ดึงเปิด รวมทั้งสิ้นจำนวน 3 ถุง น้ำหนักรวมทั้งหมด 11.47 กรัม โดยกล่าวหาว่า จำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน ,เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แฮปปี้วอเตอร์) โดยผิดกฎหมาย
2.นายเชาว์วัฒน์ อายุ 26 ปี พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แฮปปี้วอเตอร์) ชนิดผง บรรจุอยู่ในซอง สีส้ม มีตัวอักษรภาษาอังกฤษ COLLAGEN น้ำหนักรวมถุงบรรจุ 27.55 กรัม วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (เคตามีน) บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส แบบกดปิด-ดึงเปิด น้ำหนักรวมถุงบรรจุ 0.44 กรัม จำนวน 1 ถุง โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แฮปปี้วอเตอร์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ,มีวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพโดยผิดกฎหมาย ,เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แฮปปี้วอเตอร์) โดยผิดกฎหมาย
3.น.ส.ศศิธร อายุ 24 ปี พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) น้ำหนักรวมถุง 0.41 กรัม โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ,เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แฮปปี้วอเตอร์) โดยผิดกฎหมาย
4.น.ส.ฟ้า อายุ 23 ปี ,5.น.ส.นิตยา อายุ 28 ปี ,6.น.ส.จารุวรรณ อายุ 31 ปี ,7.น.ส.ปิ่นมณี อายุ 25 ปี ถูกแจ้งข้อหา เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แฮปปี้วอเตอร์) โดยผิดกฎหมาย
พร้อมกันนี้ได้ดำเนินการจับกุม นายอภิชาติ อายุ 35 ปี ซึ่งแสดงตัวเป็นผู้ดูแลสถานประกอบการดังกล่าว ในข้อหาตั้งสถานบริการโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 มาตรา 3 (4) เนื่องจากพฤติการณ์ที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบและจับกุมนั้น พบว่าสถานประกอบการดังกล่าวเปิดให้บริการเป็นห้องคาราโอเกะ มีผู้ใช้บริการกำลังยืนและเต้น พร้อมทั้งมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเป็นไปได้ว่าสถานประกอบการดังกล่าวได้ปล่อยปละละเลยให้มีการนำยาเสพติดเข้ามาในสถานประกอบการ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น ก่อนคุมตัวผู้ดูแลร้านและผู้ใช้บริการที่ตรวจพบสารเสพติดพร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านเป็ดดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกันนี้ทางจังหวัดจะพิจารณาสั่งปิดสถานประกอบการดังกล่าว ตามคำสั่ง คสช. ที่ 22/2558 ตามขั้นตอนต่อไป