โศกนาฏกรรมจากสารเคมี โรงงานอบลำไย คร่า 45 ชีวิต ดับสูญ

โศกนาฏกรรมจากสารเคมี โรงงานอบลำไย คร่า 45 ชีวิต ดับสูญ

View icon 169
วันที่ 6 ก.ย. 2567 | 18.53 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
19 กันยายน 2567 ครบ 25 ปี กับโศกนาฏกรรม โรงงานอบลำไย “หงษ์ไทยเกษตรพัฒนา” ระเบิดที่ อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ คร่า 45 ชีวิต ดับสูญ

วันนี้ (6 ก.ย.67)  ช่วงราว 11.00 น. ของวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2542 เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น โรงงานอบลำไยหงษ์ไทยเกษตรพัฒนา อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เกิดเพลิงลุกไหม้อาคารพังทลายแหลกเป็นจุณ บ้านเรือนประชาชนกว่า 10 หลังคาเรือน ในรัศมี 1 กิโลเมตร ราบเป็นหน้ากลอง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งนำรถดับเพลิงกว่า 20 คัน มาช่วยฉีดน้ำและโฟมสกัดเพลิงไม่ให้ลุกลามถังน้ำมันดีเซลขนาด 5,000 ลิตร ระหว่างนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังเป็นระยะ ๆ กว่าเพลิงจะสงบก็เวลาประมาณ 12.30 น.

เจ้าหน้าที่เข้าสำรวจสภาพความเสียหายของโรงงาน เบื้องต้นพบหลุมระเบิดลึก 3 เมตร กว้าง 28 เมตร โรงงานพังราบ เศษกระเบื้อง เศษปูน กระจายเกลื่อน ไม่เหลือเค้าโรงงานแม้แต่น้อย ในที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตทันที 25 คน เป็นชาย 23 คน และหญิง 2 คน ทั้งหมดอยู่ในสภาพที่ไม่ตรวจสอบได้ว่าเป็นใคร และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดและไฟ ไม่ต่ำกว่า 50 คน ถูกแยกย้ายกันส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง

ผลการสอบสวนพบว่าเกิดจากอุบัติเหตุซึ่งน่าจะอยู่ในขั้นตอนของการผสมปุ๋ยที่มีการผสมโพแทสเซียมคลอเรทกับกำมะถันลงไปในปุ๋ย เป็นไปได้ว่าเกิดความผิดพลาดขึ้นในขั้นตอนการผสมปุ๋ย อาจเกิดประกายไฟหรือการกระแทกเสียดสีในเครื่องโม่ จึงก่อให้เกิดระเบิดขึ้นหนึ่งครั้ง จากนั้นเกิด SHOCK WAVE แรงอัดกระตุ้นให้เกิดระเบิดจากสารเคมีโพแทสเซียมคลอเรทที่เก็บไว้กว่า 4 ล้านตัน จึงเกิดระเบิดเป็นครั้งที่สองซึ่งรุนแรงกว่าครั้งแรกมหาศาล

หลังเกิดเหตุ ตำรวจสันปาตอง ควบคุมด้วนายประธาน ผู้จัดการโรงงานมาสอบสวน ทราบว่าโรงงานแห่งนี้เป็นของชาวไต้หวัน ขณะเกิดเหตุมีคนนทำงานอยู่ในโรงงาน 26 คน ส่วนหนึ่งกำลังจัดแบ่งสารโพแทสเซียมคลอเรท ในการเร่งลำไยให้ออกผลผลิตนอกฤดูกาล บรรจุถุงจำหน่ายสำหรับเกษตรกร คาดว่าสารเคมีเกิดทำปฏิกิริยากันขึ้นจนเกิดระเบิด เบื้องต้นนายประธานถูกแจ้งข้อหาทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตโดยประมาท แต่ยังยืนยันว่า โรงงานได้ขออนุญาตนาเข้าสารเคมีอย่างถูกต้อง

คดีนี้ ศาลชั้นต้นได้ตัดสินให้ผู้บริหารโรงงานมีความผิดในข้อหาโยกย้ายยุทธภัณฑ์โดยไม่ได้รับอนุญาตและข้อหาต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีโทษจำคุก 1 ปี แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี และสั่งปรับเงิน 90,000 บาท ส่วนข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ศาลยกฟ้องจำเลย

ต่อมา วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้มีคำตัดสินให้จำคุกจำเลยที่ 2 และ 3 เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน และให้จำคุกนายลีหงเหิน ซึ่งหลบหนีไป เป็นเวลา 10 ปี มีการยื่นฎีกา จนศาลได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หลังต่อสู้คดียาวนานถึง 17 ปี

ในส่วนของคดีแพ่งญาติผู้เสียชีวิตและผู้เสียหายรวมกว่า 400 ราย ได้ฟ้องร้องค่าเสียหายรวมเป็นเงินกว่า 206 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในส่วนของคดีแพ่งจบลงโดยการประนีประนอมยอมความระหว่างผู้เสียหายและจำเลย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง