ข่าวเย็นประเด็นร้อน - นายอนุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ถือฤกษ์ วันที่ 9 เดือน 9 เดินทางเข้ากระทรวงมหาดไทยเป็นวันแรก
ช่วงเช้าวันนี้ 4 รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ทั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย คือ นายทรงศักดิ์ ทองศรี, นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ และ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นวันแรก
นายอนุทิน กล่าวถึงการแบ่งหน้าที่ในกระทรวงมหาดไทยของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า ต้องรอให้รัฐบาลปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มที่ก่อน เมื่อแถลงนโยบายเสร็จ ก็จะแบ่งหน้าที่ให้กับรัฐมนตรีช่วยทั้ง 3 คน แต่อย่าเรียกว่าแบ่งหน้าที่ เพราะเราทำงานร่วมกัน ซึ่งคงจะปรับไม่มาก เชื่อว่า แม้นางสาวซาบีดาจะเป็นผู้หญิง แต่ไม่มีผลต่องานปราบปรามผู้มีอิทธิพลแทน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ บิดา เพราะตนคิดว่าน่ากลัวกว่านายชาดาอีก
นายอนุทินกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำนโยบายกัญชา ว่า พรรคภูมิใจไทยขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาในเรื่องการตรากฎหมาย เป็น พ.ร.บ.ควบคุมการใช้กัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์ โดยเคร่งครัด เพื่อให้ชัดเจนว่า การใช้จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุม และมุ่งเน้นไปเรื่องการแพทย์เพื่อสุขภาพ
ส่วนเรื่องการส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการผลักดันสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ นั้น ในกฎหมายจะต้องมีการแก้ไข แต่เห็นด้วยอยู่แล้ว เพราะเป็นสิ่งที่ชักจูงนักท่องเที่ยวเข้ามา และสร้างรายได้ สร้างงาน และจะต้องมีการปรับเรื่องพื้นที่โซนนิง และหากเป็นไปได้ควรกระจาย ไม่ควรกำหนดให้เป็นจุดใดจุดหนึ่ง ซึ่งการร่วมรัฐบาล โดยกติกามารยาทต้องสนับสนุนซึ่งกันและกันอยู่แล้ว แต่ทุกอย่างต้องถูกต้องตามครรลองคลองธรรม ไม่ผิดศีลธรรม นักข่าวก็ถามถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยเคยแถลงคัดค้านร่างกฎหมายกาสิโน นายอนุทินตอบกลับทันทีว่า ไม่ได้ค้าน เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ อย่าเพิ่งนึกถึงบ่อนการพนัน หรือ กาสิโนถูกกฎหมาย
ส่วนกรณีกลุ่มเครือข่ายต้านระบอบทักษิณ จะรวมตัวเดินทางไปทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 17 กันยายนนี้ นั้น นายอนุทินบอกว่า ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น แต่ขอให้อยู่ในกรอบ ขอให้เอาความจริงมาพูดกัน การจะวิพากษ์วิจารณ์ หรือบอกว่าทำผิดหรือทำถูก ขอให้รัฐบาลได้ทำหน้าที่ก่อน เชื่อว่า รัฐบาลนี้ โดยเฉพาะ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นคนรับฟัง และเป็นคนที่พร้อมจะทำหน้าที่เพื่อประโยชน์สูงสุดของบ้านเมือง จากที่สัมผัสท่านมา 2-3 สัปดาห์เรื่องงาน มั่นใจว่า ท่านเป็นนักบริหารที่ดี ส่วนตัวมั่นใจว่า รัฐบาลนางสาวแพทองธารจะอยู่ครบเทอม ถ้าเราเข้าใจซึ่งกันและกัน และสนับสนุนซึ่งกันและกัน
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นางสาวสุภาพร กำเนิดผล สส.สงขลา ภรรยา และ นายศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง สส.สงขลา บุตรชาย พร้อมครอบครัว เข้าสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพรรค ก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นายเดชอิศม์ บอกว่า จะนำนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ คือ ความพยายามเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) ที่มีอยู่ทั่วประเทศ ให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อลดความแออัดโรงพยาบาลในตัวเมือง
ส่วนกรณีที่นิด้าโพลสำรวจภาคใต้ ส่วนใหญ่ 54.19% ไม่เห็นด้วยที่พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล และจะไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้าถึง 41.37% นายเดชอิศม์กล่าวว่า ก่อนที่พรรคจะตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล ตนให้ สส. ไปทำการบ้านในพื้นที่มาอย่างละเอียด สอบถามความคิดเห็นจากพี่น้องประชาชน ตลอดจนแฟนพันธุ์แท้ของพรรค ซึ่งตนก็เชื่อว่าเกิน 90% เห็นด้วย แต่เสียงที่ดังมากจะเป็นคนที่ไม่อยู่ในพรรคแล้ว และคนที่ไม่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาแสดงความคิดเห็น ยังมั่นใจว่า คนที่เป็นสมาชิกพรรค ยังเลือกพรรคประชาธิปัตย์อยู่
เมื่อถามถึงข้อกังวลที่ทาง นายสนธิญา สวัสดี ยื่นร้องต่ออัยการสูงสุด ขอให้ตรวจสอบจริยธรรมนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายเดชอิศม์เป็นรัฐมนตรี จากการที่ขาดคุณธรรมและความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ จากกรณีนายเดชอิสม์บินไปพบนายทักษิณที่ฮ่องกง นายเดชอิศม์กล่าวว่า ตนไม่กังวลเลย เพราะรู้ตัวเองดีกว่าใคร และมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าไม่ผิดจริยธรรมเลย และไม่เป็นการบั่นทอนกำลังใจในการทำงาน ทั้งนี้ ถ้ารัฐบาลมีเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน พรรคประชาธิปัตย์จะถอนตัวทันที และถ้ารัฐบาลไม่มีทุจริตคอร์รัปชัน รัฐบาลนี้อยู่ครบเทอมแน่นอน จากนั้น นายเดชอิศม์จึงเดินทางเข้ากระทรวงสาธารณสุข เป็นวันแรก
ส่วนที่รัฐสภาวันนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในการประชุมวิป 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ตัวแทนจากวิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน คณะรัฐมนตรี วุฒิสภา และพรรคการเมือง เพื่อพิจารณาจัดสรรเวลาในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เรื่องที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 12-13 กันยายนนี้ โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
ภายหลังการประชุม นายวันมูหะมัดนอร์ บอกว่า การแถลงนโยบายรัฐบาลจะเริ่มเวลา 09.00 น. วันที่ 12 กันยายน โดยจะใช้เวลาประมาณ 14 ชั่วโมง 30 นาทีต่อวัน เพราะตลอดระยะเวลาการแถลงนโยบายจะใช้เวลาทั้งหมด 29 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็น ประธาน 1 ชั่วโมง, นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี 6 ชั่วโมง, สว. 4 ชั่วโมง 30 นาที, พรรคร่วมรัฐบาล 4 ชั่วโมง 30 นาที และพรรคฝ่ายค้าน 13 ชั่วโมง
สำหรับการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 12-13 กันยายน ครม.ได้ส่งคำแถลงนโยบายของ นางสาวแพทองธาร มายังสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อยแล้ว จำนวน 14 หน้า โดยมีนโยบายเร่งด่วนที่ทำทันที 10 ข้อ คือ
1.ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ
2. ส่งเสริมและปกป้องผลประโยชน์ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอี
3. ออกมาตรการลดราคาพลังงานและสาธารณูปโภค เช่น เจรจาประเด็นพื้นที่ทับซ้อนกับกัมพูชา เพื่อลดต้นทุนด้านพลังงาน
4. สร้างรายได้ใหม่ด้วยการนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษี และเศรษฐกิจใต้ดิน เข้าสู่ระบบภาษี
5. เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
6. ยกระดับการทำเกษตรแบบดั้งเดิม ให้เป็นเกษตรทันสมัย
7. เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว เพิ่มสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์)
8. แก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจร
9. เร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม
10. ส่งเสริมศักยภาพและจัดสวัสดิการสังคมให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลง
ขณะที่นโยบายด้านการเมือง คือ
1. เร่งจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน
2. สร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน ยึดมั่นหลักนิติธรรมและความโปร่งใส
3. ปฏิรูประบบราชการและกองทัพ
4. ยกระดับการบริการภาครัฐให้สนองตอบความต้องการของประชาชน
ซึ่งในท้ายคำแถลงนโยบาย ระบุว่า ท้ายที่สุดรัฐบาลมีความมุ่งมั่นพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ และยึดประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง เพื่อสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม ทำให้คนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี นำพาความภาคภูมิใจกลับมาสู่คนไทย และประเทศไทย
เมื่อสำรวจ พบว่า 10 นโยบายเร่งด่วนในคำแถลงนโยบายของรัฐบาลนางสาวแพทองธารต่อรัฐสภา หลายนโยบายคล้ายกับแนวคิดของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยประกาศผ่านเวที Dinner Talk : Vision for Thailand 2024 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567
ไล่ตั้งแต่นโยบายเร่งด่วนข้อแรกของรัฐบาลแพทองธาร คือ ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อบ้านและรถ สอดคล้องกับแนวคิดนายทักษิณว่า การปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือน และธุรกิจ แก้ปัญหาหนี้ เป็นการจัดลำดับความสำคัญแรกของรัฐบาล
ส่วนนโยบายออกมาตรการลดราคาพลังงานและสาธารณูปโภค ด้วยการเจรจาประเด็นพื้นที่ทับซ้อนกับกัมพูชา เพื่อลดต้นทุนด้านพลังงาน ก็สอดคล้องกับนายทักษิณ ที่เคยเสนอให้แก้ปัญหาเขตทับซ้อน และใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเล
ส่วนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก ซึ่งนายทักษิณก็เคยระบุรายละเอียดชัดเจนว่า "ดิจิทัลวอลเล็ต" จะเริ่มแจกภายในเดือนกันยายนให้กลุ่มเปราะบางก่อน จากนั้นเดือนตุลาคม จะเริ่มแจกให้กับคนที่ลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐ
ส่วนนโยบายการนำเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี และเพิ่มสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ก็สอดคล้องกับที่นายทักษิณเคยระบุว่า ต้องมีการจัดระเบียบโครงสร้างภาษี นำเศรษฐกิจใต้ดินมาอยู่บนดิน และเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะช่วยดันจีดีพีโต 50%
ส่วนความเคลื่อนไหวของฝ่ายค้าน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการอภิปรายการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของนางสาวแพทองธาร ว่า พรรคประชาชนคาดว่า มีผู้อภิปรายประมาณ 30 กว่าคน ส่วนการจัดสรรเวลาอภิปราย เบื้องต้น ยังไม่ได้พูดคุยกับพรรคพลังประชารัฐ และตอนนี้เรายังมีพรรคเล็ก ซึ่งได้ขอโควตาเวลาแล้ว คงบริหารจัดการกัน และเชื่อว่าไม่มีปัญหา คิดว่าจะบริหารจัดการได้ในเวลา 13 ชั่วโมง ส่วนเรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ถือเป็นเรื่องใหญ่ คงมีสมาชิกที่อภิปรายเรื่องนี้อย่างแน่นอน ซึ่งจะมีการถามความชัดเจนในที่ประชุมสภาฯ อีกครั้ง
ส่วนความคืบหน้าการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ล่าสุด นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า รัฐบาลจะแจกเงินให้กลุ่มเปราะบางก่อน คือ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน 13.5 ล้านคน และกลุ่มผู้พิการ 2.2 ล้านคน ซึ่งรวมแล้วประมาณ 14.5 ล้านคน เพราะบางคนมีข้อมูลซ้ำซ้อนกัน คาดว่า จะโอนเงินได้ในช่วงวันที่ 20 กันยายนเป็นต้นไป ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ จะต้องรอ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ในวันที่ 12-13 กันยายนนี้
ส่วนในการประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ที่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้วนั้น การประชุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เวลา 09.30 น. เป็นไปด้วยความทุลักทุเล ต้องนำพัดลมตัวใหญ่มาพัดคลายร้อน เนื่องจากแอร์ของอาคารรัฐสภาเสียทั้งระบบ เพราะระบบทำความเย็นขัดข้อง ทำให้ สว.ที่ประชุมภายในห้องจันทรา ต้องประชุมกันท่ามกลางอากาศร้อน กระทั่งเวลา 11.15 น. สำนักอาคารสถานที่ได้แจ้งว่าได้แก้ไขระบบเรียบร้อยแล้ว