การเผชิญหน้ากันในการดีเบต หรือการประชันวิสัยทัศน์ครั้งแรก ของ 2 ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างนางคอมมาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ อายุ 59 ปีจากพรรคเดโมแครต กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีฯ อายุ 78 ปีจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งจัดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์เนชันนัล คอนสทิทิวชัน เซ็นเตอร์ เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ หรือตรงกับช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาในไทย เป็นไปด้วยความดุเดือดเข้มข้น โดยทั้ง 2 ฝ่ายต่างโจมตีจุดอ่อนของคู่แข่ง โดยหวังว่าผลจากการดีเบตครั้งนี้ จะทำให้คะแนนนิยมของทั้งคู่ที่ยังค่อนข้างสูสี ทิ้งห่างคู่แข่งได้
โดยนายทรัมป์ โจมตีนางแฮร์ริส ในประเด็นเรื่องภาวะเงินเฟ้อที่สูงกว่า 9 เปอร์เซ็นต์ ในยุคประธานาธิบดี โจ ไบเดน และปัญหาอาชญากรรมที่เกิดจากผู้อพยพ ขณะที่ นางแฮร์ริสเน้นวิจารณ์ทรัมป์ เรื่องอัตราว่างงานที่พุ่งสูงที่สุด นับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ เรื่องการต่อต้านการทำแท้งของนายทรัมป์ และเรื่องที่นายทรัมป์ถูกฟ้องร้อง กรณีการจ่ายเงินค่าปิดปากให้กับดาราหนังโป๊ และการถูกดำเนินคดีเรื่องความพยายามล้มผลการเลือกตั้งปี 2563 โดยทั้งคู่ต่างกล่าวหาอีกฝ่ายว่า พูดโกหกอยู่เป็นระยะ
ทั้งนี้ นายทรัมป์พยายามโจมตีนางแฮร์ริส โดยตอกย้ำความล้มเหลวทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ขณะที่ นางแฮร์ริส ซึ่งจากโพลมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งถึง 1 ใน 4 ยอมรับว่า ยังไม่รู้จักตัวเธอดีพอ ยืนยันถึงความเป็นผู้นำรุ่นใหม่ ที่แตกต่างจากทั้งนายไบเดนและนายทรัมป์
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้าที่จะมีการดีเบต และระหว่างการดีเบตของ"แฮร์ริส" กับ"ทรัมป์" มีกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ ไปรวมตัวประท้วงด้านนอกสถานีที่ดีเบต โดยกล่าววิจารณ์ทั้งนางแฮร์ริสและนายทรัมป์ว่า สนับสนุนอิสราเอล และไม่จริงใจที่ช่วยยุติสงครามในฉนวนกาซา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องจับกุมผู้ประท้วงไปหลายคน
ขอบคุณภาพจาก : ABC NEWS PRESIDENTIAL DEBATE
