สัปเหร่อวัย 57 ปี หากระเป๋าเงินไม่เจอจะเอาเงินไปซื้อเหล้าดื่มต่อเนื่องจากติดลม คิดว่าเมียเอาไปซ่อน ใช้ไม้ไผ่กระหน่ำตีเมียวัย 35 ปี เสียชีวิตคาบ้าน พ่อเลี้ยงคนตายเผยลูกเขย เมาเหล้าทำร้ายเมียเป็นประจำ
วันนี้ (17 ก.ย. 67) พ.ต.ท.ไชยา จรุงจิตประเสริฐ สารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายจนมีผู้เสียชีวิต ที่บ้านโคกเพชร ม.10 ต.หนองตาด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมอาสากู้ภัยสว่างจรรยาธรรมบุรีรัมย์ และแพทย์เวรโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์
ณ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวพบ นายพี อายุ 57 ปี ประกอบอาชีพสัปเหร่อและเป็นเจ้าของบ้านนอนรอเจ้าหน้าที่อยู่บนเปลหน้าบ้าน และยอมรับสารภาพว่า ตนลงมือทำร้ายเมียจนถึงแก่ความตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวไปสอบสวนต่อที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณหน้าบ้านพบคราบเลือด รองเท้าของผู้ตาย ท่อนไม้ไผ่หัก 1 ท่อน ห่างไปประมาณ 10 เมตร บริเวณหน้าห้องน้ำข้างบ้านพบร่างของ น.ส.หนูนา อายุ 35 ปี สภาพนอนหงายเสียชีวิตบริเวณศีรษะด้านซ้ายมีบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่งและมีรอยช้ำบริเวณแขนซ้าย ใกล้กันมีท่อนไม้ไผ่หักอยู่ข้างศพอีก 1 ท่อน เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้ตรวจสอบ เบื้องต้นคาดเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง
จากสอบถาม นายสอด อายุ 81 ปี พ่อเลี้ยงของผู้ตาย เล่าว่า นายพีขี่รถจักรยานยนต์มาที่บ้านและบอกว่า ได้ทำร้ายหนูนาตายแล้ว ตนจึงพานางอรุณ อายุ 63 ปี (แม่ของ น.ส.หนูนา) มาที่บ้านของลูกเขย และสอบถามลูกเขยว่าทำร้ายทำไม ซึ่งนายพีบอกว่า กระเป๋าเงินของนายพีหายและคิดว่าผู้ตายเอาไปจึงไปสอบถาม เพื่อจะเอาเงินคืนไปซื้อเหล้าดื่มเนื่องจากติดลม ทำให้เกิดมีปากเสียงทะเลาะกันใช้ไม้ไผ่กระหน่ำตีภรรยาจนแน่นิ่งสุดท้ายก็พบว่าภรรยาเสียชีวิตแล้ว ทั้งนี้ตนคาดว่าลูกเขยกินเหล้าจนเมาและเหล้าคงหมด เลยอยากได้เงินไปซื้อเหล้ามากินต่อ
ด้าน นายณรงค์ พรมประดิษฐ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 10 เล่าว่า นายพี มีอาชีพเป็นสัปเหร่อประจำหมู่บ้าน แต่ชอบกินเหล้าทุกวัน ถ้าเพื่อนฝูงมาบ้านก็กินไม่ต่ำกว่า 3 ขวด และทะเลาะกับผู้ตายเป็นประจำเวลาเมา ส่วนตัวคาดสาเหตุก็คงมาจากเหล้า จนเมาและทำร้ายเมียจนเสียชีวิต
