แก๊งเงินกู้เหิม บุกตบครูลูกหนี้คาบ้าน

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - แก๊งเงินกู้เหิมหนัก บุกตบครูลูกหนี้ คาบ้านกลางดึก หลังจ่ายเงินช้าไปนิดเดียว

แก๊งเงินกู้เหิม บุกตบครูลูกหนี้คาบ้าน
คลิปนี้ลูกชายของผู้เสียหายที่เป็นลูกหนี้ แอบถ่ายไว้ พร้อมเสียงร้องไห้ด้วยความกลัว คลิปนี้เป็นวินาทีแก๊งเงินกู้ 4-5 คน บุกเข้ามาที่บ้านยามวิกาล และรุมทำร้ายจนลูกหนี้ที่เป็นครู ล้มลุกคลุกคลานไปทั่วบ้าน และยังตะโกนด่า เหตุเกิดกลางดึกวันที่ 17 กันยายน พื้นที่ตำบลแม่เมาะ จังหวัดลำปาง

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบลูกหนี้คือ นายเอ เป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง มีบาดแผลที่เข่าทั้ง 2 ข้าง และรอยฟกช้ำตามใบหน้า เล่าว่า กู้เงินนอกระบบมา 8,000 บาท ต้องส่งรายวัน วันละ 400 บาท เป็นจำนวน 24 วัน รวมเป็นเงิน 9,600 บาท

ช่วงที่ผ่านมา ไม่เคยค้างจ่ายเลย แต่จู่ ๆ วันที่ 17 กันยายน แก๊งเงินกู้นำกระดาษเขียนข้อความข่มขู่ มาติดไว้ที่หน้าบ้าน ก่อนพากันบุกไปที่โรงเรียน ซึ่งวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้ ภายในโรงเรียนมีทั้งผู้ปกครอง และเด็กนักเรียน เพราะเป็นเวลาเลิกเรียนพอดี ด้วยความกลัว จึงแจ้งว่า "ถ้าถึงบ้านแล้ว จะรีบโอนให้" แต่ยังไม่ทันโอน ช่วง 20.15 น. แก๊งเงินกู้ก็บุกมาถึงบ้าน ในบ้านมีลูกวัย 10 ขวบอยู่ด้วย และจังหวะที่กำลังหยืบมือถือมาโอนให้ หนึ่งในแก๊งเงินกู้คิดว่าจะโทรแจ้งตำรวจ ก็เลยรุมทำร้าย จนต้องวิ่งหนีตายไปที่หลังบ้าน และรีบโอนให้ 180 บาท ก่อนแยกย้ายกันไป

นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้แช็ตข้อความที่แก๊งเงินกู้ ส่งไปข่มขู่ครูลูกหนี้เมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) ก่อนถูกจับกุม ด้วยความหวาดกลัว คุณครูท่านนี้ ต้องพาลูกย้ายไปนอนที่อื่น

รวบแล้ว 4 คน แก๊งเงินกู้บุกตบครูลูกหนี้
หลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายเเจ้งความ สภ.แม่เมาะ ล่าสุดชุดสืบสวนติดตามจับกุมแก๊งเงินกู้ได้แล้ว 4 คน ประกอบด้วย นายเจษฎา อายุ 21 ปี, นายปิติ อายุ 22 ปี, นายสันติ อายุ 31 ปี และนายยุรนันท์ อายุ 32 ปี ทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า ได้ปล่อยเงินกู้รายวัน ในอำเภอแม่เมาะ จริง

เบื้องต้นแจ้ง 6 ข้อหา คือ ร่วมกันประกอบธุรกิจให้สินเชื่อส่วนบุคคล ภายใต้การกำกับในทางการค้า ปกติโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันให้บุคคลอื่นยืมเงิน โดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ร่วมกันทวงถามหนี้ โดยการข่มขู่ใช้ความรุนแรง หรือ กระทำอันใดที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกาย ร่วมกันกันบุกรุกเคหสถาน เวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย ร่วมกันทำร้ายผู้อื่น เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย และร่วมกันกรรโชกทรัพย์