สนามข่าว 7 สี - ตามข้อมูลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ระบุว่า ทั่วประเทศมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 19 จังหวัด ต้องเร่งช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และฟื้นฟูเร่งด่วน
จังหวัดเชียงใหม่ ปีนี้น้ำท่วมหนักขยายวงกว้าง เช่นเดียวกับ จังหวัดแม่ฮ่องสอน น่าน ลำปาง ลำพูน แพร่ ตาก เพชรบูรณ์ พิษณุโลก และ สุโขทัย ส่วน จังหวัดเชียงราย อยู่ระหว่างฟื้นฟู ชาวบ้านจำนวนมากยังรอความช่วยเหลือฟื้นฟูบ้านจมโคลน
ขณะที่หลายจังหวัดภาคอีสาน เลย หนองคาย ขอนแก่น ชัยภูมิ ภาคตะวันออก ที่ ปราจีนบุรี ยังไม่คลี่คลาย ชาวบ้านต้องทุกข์หลังบ้านจมน้ำท่วม
จากวิกฤตน้ำท่วมภาคเหนือ โดยเฉพาะที่ จังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง แพร่ และ พิษณุโลก หลังจากนี้มวลน้ำจะไหลผ่านแม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำยม และ แม่น้ำน่าน ลงพื้นที่จังหวัดตอนล่าง ภาคกลาง ซึ่ง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสาน 10 จังหวัด คือ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ รวมถึงกรุงเทพฯ เฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน เป็นต้นไป
คาดว่าวันดังกล่าว (28 ก.ย.) ที่สถานี C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ จะมีน้ำไหลผ่านประมาณ 2,000-2,100 ลูกบาศก์เมตร ต่อวินาที รวมกับน้ำจากแม่น้ำสะแกกรัง ทำให้น้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณ 2,350 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงต้องเร่งระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได คาดส่งผลให้พื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ บริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รับผลกระทบน้ำท่วมสูงขึ้น
