เช้านี้ที่หมอชิต - วานนี้ สว. มีวาระพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ แต่แทนที่กฎหมายจะได้ใช้ กลับต้องล้าช้าไปจากเดิมอีก เพราะ สว. เห็นต่าง จาก สส. จึงต้องไปเปิดเวทีร่วม 2 สภาฯ ศึกษากันใหม่อีกรอบ
ที่ประชุมวุฒิสภา มีมติเสียงข้างมากเห็นชอบให้แก้ไขร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ตามการปรับแก้ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ วุฒิสภา พิจารณาภายหลังสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเสร็จสิ้น เพื่อกลับไปใช้หลักการเสียงข้างมาก 2 ชั้น หรือ Double Majority สำหรับการออกเสียงประชามติ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
หากขยายความให้เข้าใจง่าย ๆ โดยปกติ การเลือกตั้ง หรือ การออกเสียงประชามติ ใครได้เสียงข้างมาก ก็ถือว่าชนะได้เลย แต่ Double Majority คือชั้นแรก ต้องมีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ และชั้นที่ 2 ต้องมีผู้มาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งในการออกเสียงในเรื่องที่ทำประชามตินั้น
ซึ่ง สว. ที่เป็นกรรมาธิการเสียงข้างน้อย พยายามชี้ให้เห็นว่า เสียงข้างมาก กลับลำการประชุมกรรมาธิการ 4 ครั้ง ก็เห็นด้วยกันมาตลอดว่า ให้มีการออกเสียงเพียงแค่ครั้งเดียว แต่อยู่ๆ การประชุม ครั้งสุดท้าย กลับขอให้ทบทวนมติ เห็นแย้งกับ สส. ไปใช้หลักการเสียงข้างมาก 2 ชั้น ทั้งที่ การเลือกตั้ง การออกเสียงประชามติ หลายครั้งก็ไม่เคยต้องใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น
ขณะที่ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บอกว่า เมื่อผลเป็นเช่นนี้ ก็ต้องตั้งกรรมาธิการร่วม 2 สภา ตามข้อบังคับ เพื่อพิจารณาร่วมกัน แต่ยอมรับว่ากระทบกับไทม์ไลน์ ทำให้กฎหมายล่าช้าออกไปอีก
อย่างไรก็ตาม หากสภาฯ ใด สภาฯหนึ่ง ไม่เห็นชอบอีก ให้ยับยั้งร่างกฎหมายนั้นไว้ 180 วัน แล้วค่อยให้ สส. พิจารณา ยืนยันร่างกฎหมายของตัวเองอีกครั้ง
หากที่ประชุม สส. มีมติยืนยัน ร่างกฎหมายของตนเองด้วยมติเกินกว่ากึ่งหนึ่ง ให้ถือว่า รัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายนั้น และส่งนายกรัฐมนตรี ดำเนินการตามขั้นตอนประกาศใช้ได้ทันที