รมว.ศึกษาธิการ กลั้นน้ำตาให้สัมภาษณ์สื่อ ยอมรับเจ็บปวด สั่งงดกิจกรรมทัศนศึกษา ถ้าไม่จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการรัดกุม ห้ามเดินทางไกล ประสานขนส่งเช็กสภาพรถ
วันนี้ (2 ก.ย.67) พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า เช้าวันนี้ได้มีการประชุมผู้บริหารกระทรวง โดยประเด็นหลักคือการหารือเกี่ยวกับเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตถึง 23 คน หลังจากนี้จะให้มีการงดกิจกรรมทัศนศึกษาทันที แต่เข้าใจว่าสถานที่บางแห่งเด็ก ๆ ต้องมาเห็นด้วยตา จะให้เด็กนอนอยู่บ้านเฉย ๆ ก็ไร้ประโยชน์ ซึ่งจะให้พิจารณาตามความจำเป็น และต้องมีมาตรการที่รัดกุมมากขึ้น เช่น ให้ผู้ปกครองเดินทางไปด้วย เพิ่มจำนวนครูที่เดินทางไปด้วย หรือระยะทางต้องไม่ไกลเกินไป รวมถึงทำงานประสานกับกรมการขนส่ง เพื่อดูเรื่องความปลอดภัยของยานพาหนะ นอกจากนี้ มีการพิจารณาให้มีการซักซ้อมทักษะการเอาตัวรอดของเด็ก ๆ ไม่ใช่แค่ในกรณีนี้ แต่ครอบคลุมไปถึงทุกอุบัติเหตุ
ส่วนเรื่องของการเยียวยา ได้แบ่งหน้าที่ให้ สพฐ. เป็นหน่วยงานหลักให้การดูแลเรื่องของค่าปลงศพ รวมไปถึงจัดตั้งทุนการศึกษาให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง และเป็นคนกลางเปิดรับบริจาคจากประชาชน เพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ ก็ได้มอบหมายให้ครุสภาทำประกาศเกียรติคุณแก่ผู้ที่เสียชีวิต รวมไปถึงครูที่ได้รับบาดเจ็บจากการช่วยเหลือนักเรียนเพื่อเป็นการยกย่อง
ที่ประชุมยังมีการพูดถึงดรามาที่หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า ทำไมการเยี่ยมผู้ที่เกี่ยวข้อง สีหน้าของผู้ใหญ่หลายคนมีการยิ้มแย้ม พล.ต.อ.เพิ่มพูน ยืนยันว่า สถานการณ์จริง ทุกคนเจ็บปวดจากการสูญเสีย แต่เพื่อให้กำลังใจเด็ก ๆ และเรียกขวัญ จึงต้องทำให้เด็ก ๆ ผ่อนคลาย ไม่ไปตอกย้ำความทรงจำร้าย ๆ อีก หรือทำให้สถานการณ์ตรึงเครียดอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างให้สัมภาษณ์ พล.ต.อ.เพิ่มพูน มีการกลั้นน้ำตา บอกว่าตนไม่ได้ตำรวจแล้ว ตอนนี้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการแล้ว อาจจะไม่ได้เข้มแข็งพอ อ่อนแอนิดหน่อย และเน้นย้ำว่า อย่าไปโทษใคร ทุกคนเสียใจ และทำเต็มที่กันหมด
ขณะเดียวกันมูลนิธิเป็นหนึ่ง นำโดย น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ที่ปรึกษามูลนิธิเป็นหนึ่ง เข้ายื่นหนังสือให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาความจำเป็นกิจกรรมทัศนศึกษา ซึ่งมีนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นตัวแทนในการรับหนังสือ โดยประธานมูลนิธิเป็นหนึ่งได้กล่าวว่า มีการพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นนี้กันมานานแล้ว เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำรอย จึงขอให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาเรื่องการทัศนศึกษาของเด็กเล็ก เนื่องจากยังไม่มีความสามารถมากพอในการเอาตัวรอด รวมถึงอยากให้ยานพาหนะมีความแตกต่างจากรถบัสทั่วไป เช่น มีสี มีสัญญาณไฟ และมีรถนำขบวน สุดท้ายคือการพิจารณาแหล่งเรียนรู้ เพื่อทัศนศึกษาไม่ให้ไกลเกิน หรือยกเอาศูนย์การเรียนรู้เข้าหาสถานศึกษาแทน