สวมชุดขาว ติดเครื่องราชฯ มั่วเดินเข้าสภาฯ สืบนครบาลตามรวบแม่น้ำหนึ่ง นักตุ๋นก่อเหตุฉ้อโกง 14 คดี รวมถึงคดีหลอกลงทุนบัตรลุงตู่พลัส อ้างเป็นญาติคนใหญ่คนโต โดนจับอ้างชุดขาวยืมเพื่อนมา แค่ลองสวมเดินในสภาฯ
สืบนครบาล วันนี้ (6 ต.ค.67) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จัดทีมสืบสวนจับกุมตัวนักต้มตุ๋นแสบ สวมชุดปกติขาว พร้อมติดเครื่องราชฯ เดินมั่วเข้าสภาฯ ล่าสุดถูกจับกุมได้ที่ห้องพักรายวันย่านลาดกระบัง โดยยังใส่กำไล EM เจ้าตัวอ้าง “ลองใส่เฉย ๆ ส่วนชุดขาวยืมเพื่อนมา”
ผู้ต้องหารายนี้ คือ น.ส.สุวดี หรือน้ำหนึ่ง อายุ 47 ปี ภูมิลำเนาอยู่ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลแขวงดุสิต จากพฤติกรรมสวมชุดขาวติดเครื่องราชฯ เดินเข้ามาป้วนเปี้ยนในรัฐสภาในทุกสมัยการเปิดประชุมสภา จนกระทั่งในการประชุมวุฒิสภาครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 67 สมาชิกวุฒิสภา (สว.) คนหนึ่ง กล่าวในที่ประชุมเพื่อหารือเรื่องของมิจฉาชีพรายนี้กลางสภาฯ โดยอ้างว่าเคยทำงานร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา อ้างตัวเป็นลูกบุญธรรมของภรรยาของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อ้างว่าตนเป็นญาติกับภรรยาของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล , อ้างว่าตนเป็นคนสนิทของ นายเนวิน ชิดชอบ โดยมักทำพฤติกรรมทำทีโทรศัพท์โชว์ให้ผู้อื่นหลงเชื่อ เจ้าหน้าที่ของรัฐสภาต้องติดประกาศห้ามเข้าพื้นที่
ตรวจยึดของกลาง 5 รายการ
1.ชุดปกติขาวพร้อมเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 1 ชุด
2.เสื้อคลุมสีดำ ปักคำว่า รัฐสภา 1 ชุด
3.เสื้อคลุมสีดำ ปักคำว่า สำนักนายกรัฐมนตรี 1 ชุด
4.บัตรตัวแทนพรรคการเมืองชื่อดัง 1 ใบ
5.รถยนต์โตโยต้า แคมรี่สีเทา 1 คัน (ใช้ซุกซ่อนของกลางและนำไปจอดแอบ)
ในชั้นสอบสวนพบว่า ผู้ต้อหาเริ่มต้นจากการฉ้อโกงเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยทำตัวเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ตระเวนรับเงินค่าจ้างแล้วเบี้ยว ต่อมาแอบอ้างเป็นคนสนิทอธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง ย่านปทุมวัน หลอกลงทุนหุ้น ลงทุนเปิดร้านค้าในมหาวิทยาลัย อ้างเป็นคนสนิทระดับ “นายกรัฐมนตรี” หลอกลวงจะวิ่งเต้นให้ได้ตำแหน่งในสำนักนายกรัฐมนตรี หลอกจะวิ่งเต้นให้เป็นผู้ช่วย สว. และหลอกลวงลงทุน “บัตรลุงตู่พลัส”
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อหา โดยให้การว่า นำเครื่องแบบของเพื่อนมาสวม ส่วนที่ปรากฏภาพที่ไปถ่ายชุดขาวกับคนอื่น ๆ ในรัฐสภา เป็นเพราะวันนั้นแค่ลองสวมดูเฉย ๆ ตั้งใจจะไปถ่ายภาพเพื่อนำไปสมัครเป็น สส. ยืนยันว่าไม่เคยไปทำอะไรเสียหาย คดีฉ้อโกงที่เกิดขึ้นนั้นส่วนใหญ่จบไปแล้วเพราะนำเงินไปคืนให้กับผู้เสียหายแล้ว แต่ยังมีคดีที่อยู่บนศาลคือที่ไปหลอกลวงลงทุน "บัตรลุงตู่พลัส" ความเสียหาย 1.7 ล้านบาท ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 3 ปี ตอนนี้อยู่ระหว่างการสู้ชั้นอุทธรณ์
