ห้องข่าวภาคเที่ยง - คดีนี้ผู้เสียหายจ้างทนายความมาช่วยเหลือ แต่มาทราบทีหลังว่าทนายตัวแสบ นำหนังสือมอบอำนาจตนเองมาไกล่เกลี่ยและได้รับเงินจากลูกหนี้ไปกว่า 1.8 ล้านบาทแล้ว แถมยังไปเรียกรับเงินจากลูกหนี้อีก 50,000 บาท
ผู้เสียหายคดีนี้ชื่อ "เปิ้ล" อายุ 47 ปี เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ว่าจุดเริ่มต้นคดีนี้ มีเพื่อนบ้านมายืมเงินตนเองเป็นเงิน 3.6 ล้านบาท ทำสัญญาว่าจะชำระให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี ปรากฏว่าชำระคืนมาแค่ 300,000 บาท ตนเองก็ใจดีอนุโลมให้ผ่อนจ่ายมาเรื่อย ๆ แต่เพื่อนบ้านก็ยังไม่ยอมจ่ายเงิน
จนกระทั่งเดือนกันยายน ปี 2558 จึงว่าจ้างทนายความให้มาว่าความ ทนายก็ประวิงเวลา และเพิ่งจะยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งนครปฐม ช่วงต้นปี 2560 ศาลฯ ชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้เงิน 3.5 ล้านบาท จำเลยยื่นอุทธรณ์จนศาลฯ พิพากษาให้ชดใช้เงิน 3.3 ล้านบาท
ต่อมาผู้เสียหายได้มอบอำนาจให้ทนายความไปสืบทรัพย์ เพื่อเตรียมนำทรัพย์สินขายทอดตลาด ช่วงปี 2561 แล้วปรากฎว่า ลูกหนี้โอนเงินผ่อนชำระผ่านทนายความ โอนไปแล้ว 38 งวด เป็นเงิน 1,850,000 บาท โดยที่ตนเองไม่รู้เรื่องนี้ เงินไม่เคยมาถึง ก็ติดตามไปแค่เรื่องการขายทอดตลาด ทนายก็บอกว่า "อยู่ระหว่างรอดำเนินการ" แต่มันล่าช้าเหลือเกิน เลยถามกับกรมบังคับคดี เลยถึงบางอ้อรู้ความจริง ว่าทนายความคนดังกล่าว นำหนังสือมอบอำนาจมาไกล่เกลี่ย และรับเงินจากลูกหนี้ไปแล้ว แถมมารู้ภายหลังว่าทนายของตน ยังไปรับเงินจากลูกหนี้มา 50,000 บาทด้วย
ทั้งนี้ มีข้อมูลว่า ทนายความคนดังกล่าว เคยมีผู้เสียหายมาร้องของความช่วยเหลือกับเพจฯ สายไหมต้องรอด ว่าเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ถูกทนายความคนนี้ค้างค่าเช่าบ้านมานานกว่า 1 ปี เบื้องต้นเพจฯ สายไหม ก็รับปากจะช่วยประสานติดตามความคืบหน้าทางคดีให้
