วันนี้ (9 ต.ค. 67) พ.ต.ท.วรี สร้อยสง่า สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งมีคนเมาคลุ้มคลั่งจุดไฟเผาบ้าน บริเวณชุมชน เขตเทศบาลเมืองเขามยอด อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย ร.ต.ท.ชนินทร์ จันทรวิมล รองสารวัตรป้องกับปราบปราม สภ.เมืองลพบุรี และกำลังสายตรวจอีกจำนวหนึ่ง พร้อมได้แจ้งขอสนับสนุนรถน้ำดับเพลิงพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองเขาสามยอด ไปฉีดน้ำดับไฟบ้านเกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านพักหลังเดียวไม่มีเลขที่พบรถน้ำดับเพลิงจำนวน 2 คัน เจ้าหน้าที่กำลังฉีดน้ำดับไฟไปที่กองเพลิงที่ถูกไฟไหม้วอดหมดไปทั้งหลังเหลือแต่เสาบ้านเป็นบ้านไม้ยกพื้นล้อมด้วยสังกะสีโดยพบนายธีรยศ อายุ 33 ปี เจ้าของบ้านยืนสวมกางเกงเพียงตัวเดียว ในมือถือขวดเหล้าเถื่อน ยังอยู่ในอาการพูดจาวกไปวนมา และเป็นคนจุดไฟเผาบ้านตนเองจนวอดทั้งหลัง
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายธีรยศ ผู้ก่อเหตุถึงสาเหตุเผาบ้านตนเอง ผู้ก่อเหตุเล่าว่าตนเองเป็นคนเข้าไปใช้ไฟแช็กจุดไฟเผาที่นอนกลางบ้าน ก่อนที่ไฟจะลุกไหม้เผาบ้านทั้งหลังต่อหน้าต่อตา และที่เผาบ้านก็เพราะไม่อยากจะอยู่แล้ว เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า แล้วจะไปนอนที่ไหนนายธีรยศ ตอบว่าเดียวก็นอนบนพื้นหญ้าหรือที่ไหนก็นอนได้ทั้งนั้น
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตร. สายตรวจพยายามควบคุมตัวแต่นายธีรยศ ได้ขัดขื่นไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตร. จับแถมยังต่อรองขอกินข้าวก่อน ขอสูบบุหรี่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตร. ไม่เล่นด้วยทำให้นายธีรยศ ไม่พอใจถึงกับเดินหนี เจ้าหน้าที่ตร. สายตรวจทั้ง 4 นาย จึงล้อมตัวเอาไว้ก่อนตัดสิ้นใจเข้าจับกุมขณะที่ผู้ก่อเหตุยังพยายามขัดขื่นจนในที่สุดก็สามารถควบคุมตัวเอาไว้ได้นำตัวไปนั่งสงบติอารมย์บนท้ายกระบะรถสายตรวจ ก่อนนำตัวไปสอบปากคำอีกครั้งที่โรงพักตรวจพบมีสารเสพติดในร่างกาย
จากการสอบถามนางจำปี ผู้เป็นแม่เล่าว่า นายธีรยศเป็นลูกชายตน ก่อนหน้านี้เป็นคนชอบดื่นเหล้าจนเมาแล้วมีเรื่องทะเลาะวิวาทจนติดคุกทั้งคดีทำร้ายร่างกาย คดีพกพาอาวุธปืน หลังพ้นโทษออกจากคุกมาก็ไปพบเพื่อนกลุ่มเสพยาบ้าในหมู่บ้าน จนมีนิสัยทั้งเสพยาบ้าและชอบกินเหล้าเมื่อทั้ง 2 อย่างมารวมกันในร่างกายก็เกิดอาการคลุ้มคลั่งเผาบ้านตนเองจนวอดไปทั้งหลัง แถมยังขู่เผาบ้านญาติพี่น้องจนหวาดกลัวกันไปหมด จึงอยากให้เอาตัวไปบำบัดหรือดำเนินคดี
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตร. สายตรวจชุดจับกุม แจ้งข้อหาดำเนินคดีเสพยาเสพให้โทษประเภทที่ 1 ยาบ้าโดยผิดกฎหมาย ส่วนคดีเผาบ้านนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวนอีกครั้งสามารถแจ้งข้อหาเพิ่มเดิมในภายหลัง
