โจ๋เมียนมาเหิมหนัก! ตั้งแก๊งตบหมวกกันน็อก หาเรื่องวัยรุ่นในพื้นที่

โจ๋เมียนมาเหิมหนัก! ตั้งแก๊งตบหมวกกันน็อก หาเรื่องวัยรุ่นในพื้นที่

View icon 111
วันที่ 11 ต.ค. 2567 | 12.30 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
โจ๋เมียนมาเหิมหนัก! ตั้งแก๊งนับ 10 คน ไล่ตบหมวกกันน็อกเด็กนักเรียน หาเรื่องวัยรุ่นในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์

11 ต.ค. 67 กล้องวงจรปิดจับภาพเหตุการณ์ขณะแก๊งวัยรุ่นโจ๋ชาวเมียนมานับ 10 คน ใช้จักยานยนต์ไล่ล่าอริชาวไทย ขณะพยายามวิ่งหลบหนีเข้าไปในบ้าน ก่อนใช้ระเบิดปิงปองขนาดใหญ่ขว้างใส่ ทำให้แรงระเบิดกระเด็นไปโดนหลังคาบ้านสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 12 ต.ชัยเกษม อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 67 ที่ผ่านมา

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมชุดพิสูจน์หลักฐาน สภ.ธงชัย อ.บางสะพาน ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุหลังได้รับรายงาน โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจนำกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บริเวณหน้าบ้านผู้เสียหายไปตรวจสอบ จึงทราบว่ามีรถจักยานยนต์จำนวน 5 คัน โดยมีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนหลายคนนั่งซ้อนท้ายอยู่บริเวณด้านหลังคนขับ ขณะวิ่งผ่านหน้าบ้านที่เกิดเหตุ โดยจะเห็นว่ามีจักยานยนต์คันสุดท้ายขว้างวัตถุบางอย่างเข้ามาบริเวณหน้าบ้านจนเกิดการระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้แรงระเบิดกระเด็นกระจัดกระจายสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างบริเวณด้านหน้าบ้าน หลังตรวจสอบจึงนำไปสู่กระบวนการจับกุมผู้ก่อเหตุรวม 11 คน โดยทั้งหมดเป็นวัยรุ่นชาวเมียนมา ที่มาอาศัยอยู่กับญาติในฝั่งไทยบริเวณพื้นที่รอยต่อระหว่างหมู่บ้านห้วยตะเคียน โดยมีนายจ้างในพื้นที่บางคน ให้การดูแล เนื่องจากมารับจ้างทำงานอยู่ในประเทศไทยหลายปี

ต่อมา วันที่ 10 ต.ค. 67 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หมู่ 12 บ้านห้วยตะเคียน ต.ชัยเกษม อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบว่าที่เกิดเหตุเปิดเป็นร้านขายของชำห่างจากถนนยางมะตอยในหมู่บ้านประมาณ 3-4 เมตร จากการสอบถามน.ส.เนย อายุ 54 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุดังกล่าวเล่าให้ฟังว่า วันเกิดเหตุ ตนและสามีเดินทางข้ามไปเลี้ยงวัวอยู่ชายคลองหลังบ้าน เหลือแต่ลูกสาวกับหลานและเด็กเล็กอยู่กันตามลำพัง  ช่วงเวลาประมาณ 18.40 น. ได้ยินเหมือนเสียงระเบิดดังอยู่ไกล้บ้านตน จึงถามสามีว่าเสียระเบิดดังที่ไหนไกล้บ้านมาก จากนั้นจึงสั่งให้สามีเดินกลับอีกทางส่วนตนเดินข้ามคลองกลับมาดูที่บ้าน เมื่อมาถึงจึงสอบถามหลาน บอกว่าไม่รู้ว่าใครมาขว้างระเบิดใส่หน้าบ้านจนเกิดกลุ่มควันเต็มไปหมด

จากนั้น น.ส.เนย พาผู้สื่อข่าวเดินไปชี้จุดที่เกิดการระเบิด โดยแรงระเบิดทำให้หลังคากระเบื้องแตกร้าวหลายจุด บางจุดยังเห็นร่องรอยเป็นรูจากแรงระเบิด ส่วนจุดอื่นหลังเกิดเหตุได้ให้ช่างเข้ามาซ่อมแซมเปลี่ยนใหม่เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งวันเกิดเหตุมีลูกสาวและเด็กเล็กพร้อมหลาน อาศัยอยู่โชคดีที่ทั้งหมดปลอดภัยไม่เป็นอะไร จากนั้นตนจึงให้ผู้ใหญ่บ้านพาตนไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ธงชัย

ด้าน นายเฉลิมศักดิ์ อายุ 22 ปี เป็นผู้ถูกแก๊งวัยรุ่นชาวเมียนมาไล่ทำร้าย เผยว่า วันเกิดเหตุที่ผ่านมาให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ระหว่างนั้นตนเพิ่งเลิกกลับจากทำงาน เดินทางมาที่อู่ซ่อมรถของพวกซึ่งอยู่ไกล้กับร้านขายของชำจุดเกิดเหตุ เมื่อมาถึง น้องที่อู่ถามว่า “วิ่งผ่านมาไม่กลัวโดนเมียนมาเตะเหรอ” เนื่องจากชาวเมียนมากลุ่มนี้เคยตบเอาหมวกกันน็อกของน้อง ๆ ไป จึงบอกให้รอ ก่อนที่ตนจะขับรถจักรยานยนต์ ย้อนกลับไปที่ศาลาชุมชนหมู่บ้านอีกครั้ง ก็เห็นกลุ่มวัยรุ่นชาวเมียนมาดังกล่าวรวมตัวกัน

จากนั้น เมื่อวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวเห็นตน จึงพยายามเดินเข้าหา ตนเห็นท่าไม่ดีจึงเลี้ยวหัวรถจักยายยนต์กลับ เนื่องจากวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวมีทั้งอาวุธปืนและมีด ตนจึงวิ่งกลับมาที่อู่เดิม ก่อนที่จะถูกขี่รถไล่ตามและขว้างระเบิดใส่ แต่อาจจะขับด้วยความเร็วจึงผิดเป้าลูกระเบิดปิงปองประดิษฐ์ขนาดใหญ่ เลยไปบริเวณหน้าร้านขายของชำซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 3-4 เมตร จึงทำให้ตนรอดจากเหตุการณ์ดังกล่าว

ขณะที่ น.ส.สิริกร ไทยเทศ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 บ้านห้วยตะเคียน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเล่าว่า หลังเกิดเหตุตนเป็นห่วงความไม่ปลอดภัยลูกบ้าน จึงดำเนินการเข้าตรวจสอบเพื่อรวบรวมเอกสารบัตรแรงงานชาวเมียนมาที่นายจ้างมีอยู่ ว่าเข้ามาทำงานถูกต้องหรือไม่ บางคนก็มี ส่วนบางคนก็หนีข้ามฝั่งกลับไปหลังทราบว่าจะเข้าตรวจเนื่องจากไม่มีบัตร จากการบอกเล่าของชาวบ้านให้ตนฟังทราบว่า กลุ่มวัยรุ่นชาวเมียนมากลุ่มนี้ เคยทำการก่อเหตุในหมู่บ้านข้างเคียงมา 2 ครั้ง มีพฤติกรรมไปตบเอาหมวกกันน็อกของน้องเยาวชนที่ไว้ใส่กลับจากโรงเรียน บางวันก็รวมตัวในยามค่ำคืน ใช้มีดยาวลากไปตามพื้นผิวถนนจนเกิดประกายไฟส่งเสียงรบกวนชาวบ้าน จนทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านบางคนไม่กล้าออกไปกรีดยางเพราะกลัวความไม่ปลอดภัย

หลังเกิดเหตุตนและผู้ช่วยระหว่างเดินตรวจพื้นที่บนศาลาเอนกประสงค์หมู่บ้าน พบระเบิดปิงปองจำนวนหนึ่งในสภาพถูกแกะเอาดินปืนออกไปประกอบเป็นชิ้นใหญ่ถูกทิ้งไว้ในถังขยะบริเวณหน้าศาลาเอนกประสงค์ คาดว่าน่าจะนำมาทิ้งไว้

ขณะที่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเข้าไปส่องพฤติกรรมของกลุ่มผู้ก่อเหตุในเฟซบุ๊กยังพบว่า มีการโพสต์ข้อความท้าทายอำนาจรัฐ โดยระบุว่า "ไหนล่ะคนไล่จับกูอ่ะไม่เห็นสักคนเลย มาจับหน่อยไอ้ตำรวจตึง ๆ อะ" และอีกหลาย ๆ คลิปที่ลงพฤติกรรมทำตัวเป็นอันธพาลคลองถนน บอกถึงความไม่เกรงกลัวกฎหมายของประเทศ จนชาวบ้านและผู้นำชุมชนในพื้นที่อยากให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการร่วมแก้ไขปัญหา โดยจัดเวรยามตรวจตราให้บ่อยครั้ง เนื่องจากบางพื้นที่ห่างไกลชุมชน เวลาเกิดเหตุ กลุ่มผู้ก่อเหตุชาวเมียนมาบางคนมักใช้เส้นทางธรรมชาติหลบหนีข้ามฝั่งกลับไปก่อนเจ้าหน้าที่จะมาถึง เนื่องจากเป็นพื้นที่มีช่องทางธรรมชาติเข้าออกเป็นจำนวนมาก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง