หนุ่มวัย 23 ปี เข้าใจผิดคิดว่าหญิงวัย 52 ปี รักตัวเอง พอผิดหวังเลยคลุ้มคลั่งควงมีดพร้าบุกเข้าไปในบ้าน โชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตราย
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนางเพชรรัตน์ อายุ 52 ปี ที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ 5 ซอยพรหมประกาย 8 ชุมชนหนองเตาเหล็ก ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี หลังมีเหตุเพื่อนบ้านชื่อ นายชานนท์ อายุ 23 ปี มีอาการคลุ้มคลั่งถือมีดอีโต้บุกเข้ามาบ้านในยามวิกาล สร้างความตกใจและหวาดกลัวให้กับเจ้าของบ้าน เหตุเกิดเมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 10 ตุลาคม 2567 และโดยมีภาพวงจรปิดขณะเกิดเหตุเป็นหลักฐาน ไปแจ้งความต่อ ร.ต.ท.สหรัฐ เติมต่อวัฒนกุล รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อดำเนินคดีกับนายชานนท์
โดยนางเพชรรัตน์ เล่าว่า ตนอยู่ในชุมชนนี้มา 20 ปีแล้ว คนก่อเหตุชื่อนายชานนท์ เป็นลูกหลานคนรู้จักกัน และเคยเห็นกันมาก่อน ก่อนหน้านี้นายชานนท์เคยบวชอยู่วัดหน้าบ้าน ตนก็เมตตาสงสาร เพราะครอบครัวไม่อบอุ่น แต่ตอนนั้นก็เริ่มจะหัดเสพยา สูบบุหรี่ พอพระตักเตือนนายชานนท์ก็อาละวาดใส่พระ ตนก็ตักเตือนอยากให้เขาสงบและเย็นลง เพื่อพัฒนาตนเองไปในทางที่ดี แต่หลังจากนั้นนายชานนท์ก็ย้ายวัดไปจำพรรษาอยู่ที่อื่น เพราะเจ้าอาวาสควบคุมไม่ได้
นางเพชรรัตน์ เล่าต่อว่า หลังสึกออกมา นายชานนท์คิดว่าสิ่งที่ตนทำคือตนรักเขา ก็มานั่งร้องไห้พร่ำพรรณนาเหมือนคนรัก แล้วก็ลามปามเป็นลามกอนาจารไปเรื่อยๆ ตนทนไม่ได้ก็เลยด่ากลับไปว่า “กูไม่ได้รักมึง” เมื่อเขามาอาละวาดบ่อยๆ ทั้งยิงหนังสติ๊กใส่ จนตนทนไม่ได้ต้องบอก “มึงกับกูต้องตายไปข้างนึง” เขาบุกมาอาละวาด 4 ครั้ง เอามีดมาทุกครั้ง ตนก็แจ้งตำรวจมาจับ แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าหรือซ้ำเติมเขาเพื่อให้จบทุกอย่าง และครั้งนี้เขาออกจากคุกมาก็ไม่เคยถามไม่เคยคุย จู่ๆ ก็วิ่งบุกเข้ามา ตนคิดว่าเขาตั้งใจจะมาหาเรื่องตน บังเอิญลูกสาวอยู่ชั้นล่าง ตนอยู่ชั้นบน มาในยามวิกาลด้วย
ส่วน น.ส.วรพิชชา อายุ 23 ปี ลูกสาวนางเพชรรัตน์ เล่าว่า ตนอยู่กับแม่ 2 คน วันเกิดเหตุตนดูทีวีอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงเขย่าประตู 2-3 ครั้ง ตนออกมาดูพบเขาปีนรั้วกระโดดเข้ามาด้านใน ตนตกใจเรียกแม่ ช่วงจังหวะตนร้องเขาก็เข้ามาดึงประตูแล้ว เขาเดินตรงเข้าไปในครัว ร้องเรียก “มึงอยู่ไหน” พอไม่เห็นใครเขาเดินออกจากบ้าน แล้วปีนรั้วออกไป เขาอยู่ในบ้าน 1-2 นาที ตอนเขาปีนเข้ามาเขาคิดว่ามีคนในบ้าน พอตนโผล่หน้าไป เขาจึงมั่นใจว่ามีคนในบ้านแน่ๆ ซึ่งเขาก็ถือมีดอีโต้เข้ามา ทรัพย์สินเสียหายมีประตูบ้านและรั้วเสียหาย
“รู้สึกตกใจตอนแรกคิดว่าไม่เป็นอะไร มาคิดดูว่าตนอยู่กับแม่ 2 คนก็รู้สึกกลัวเวลามีเสียงอะไร จะรู้สึกระแวง ตนไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ แต่แม่เจอบ่อย เขาก็เป็นคนในชุมชนบ้านใกล้กัน เขามีพฤติกรรมแบบนี้ และเข้ามาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ตำรวจเข้าระงับเหตุเร็ว และมีเพื่อนบ้านมาช่วยดูแล แต่ก็ยังอยากให้ตำรวจมาดูแลถ้าหากเกิดเหตุการขึ้นอีก”
ส่วนนางคำจันทร์ อายุ 55 ปี แม่นายชานนท์ผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ตนมีลูกชาย 2 คน นายชานนท์เป็นคนโต วันที่เกิดเหตุตนไม่รู้เรื่องเพราะวันนั้นคนก่อเหตุนั่งดื่มสุรากับน้องชายเขาอยู่หน้าบ้าน แล้วมีการพูดเรื่องไปทำงานก็มีโต้เถียงกัน ตนจึงเข้ามาห้ามว่าอย่าเถียงกันมันจะทะเลาะกันอีก ลูกชายตนก็มาว่าตนว่าตนสอนเขา ตนจึงเดินหนีเข้าไปในครัว จึงไม่รู้ว่าลูกชายไปก่อเหตุตอนไหน เห็นแต่น้องชายไปเอาตัวพี่ชายมา ตนก็เห็นตอนมาอยู่หน้าบ้านแล้ว ไม่คิดว่าลูกชายจะไปเข้าไปบ้านคนอื่น ตำรวจมาลูกชายก็ยอมรับสารภาพทุกอย่าง
“ยอมรับว่าลูกชายเคยเสพยามานานแล้วแต่ระยะหลังจะมีแต่ดื่มสุราอย่างเดียว แต่ถ้าเสพยาก็จะอยู่บนบ้านไม่ลงมา แต่ถ้าดื่มเหล้าเมาก็จะเป็นแบบนี้ ก่อนหน้านี้ลูกชายก็เคยบวชวัดนี้ แล้วก็ย้ายไปบวชที่วัดอื่น ส่วนเรื่องคดีก็ให้ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการไป ตนจะไปบอกว่าลูกตนเป็นคนดีนั้นก็ไม่ใช่ เพราะลูกตนทำผิดแล้ว ก็แล้วแต่จะดำเนินการแบบไหนตามแต่สำควร”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตำรวจจับกุมตัวไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด แต่ไม่พบสารเสพติด จึงแจ้งข้อหา “บุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน พกพาอาวุธมีดไปเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณโดยไม่เหตุอันควร” นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป