ทีมทนาย นำผู้เสียหายคดีธุรกิจเครือข่ายแจ้งความ ด้าน เพจสายไหมฯ พาพยานสำคัญ ให้ข้อมูลตำรวจ

ทีมทนาย นำผู้เสียหายคดีธุรกิจเครือข่ายแจ้งความ ด้าน เพจสายไหมฯ พาพยานสำคัญ ให้ข้อมูลตำรวจ

View icon 52
วันที่ 15 ต.ค. 2567 | 14.43 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ทีมทนาย นำผู้เสียหายคดีธุรกิจเครือข่ายแจ้งความ แนะแม่ข่ายแจ้งความ ก่อนกลายเป็นแพะ ด้าน เพจสายไหมต้องรอด พาพยานคนสำคัญ รุ่นก่อตั้งบริษัทให้ข้อมูลนักการเมืองใหญ่หนุนหลัง จ่ายส่วนเทวดา เตือน "บอสพอล" ผู้ใหญ่ไม่ปลื้ม

วันนี้ (15 ต.ค.67) ทีมทนายชื่อดังรวมตัวกันนำหลักฐาน พร้อมพาผู้เสียหายจากการซื้อสินค้าบริษัทดำเนินธุรกิจเครือข่าย แต่ไม่สามารถขายสินค้าได้ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เพื่อเข้าช่วยเหลือด้านกฎหมายให้กับผู้เสียหาย

ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เปิดเผยว่า วันนี้ได้พาผู้เสียหายกว่า 100 รายมาแจ้งความ และคาดว่าจะมีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยวันนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ให้ทนายแต่ละคนดูแลผู้เสียหายประมาณ 10 กว่าคน โดยดูแลตั้งแต่แจ้งความจนกว่าคดีจะไปถึงศาล หรือได้รับเงินเยียวยาคืน เจตนาที่มาในวันนี้ต้องการช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน จึงมีการปรึกษากับกลุ่มทนาย เพราะเกรงว่าจะมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับเงินคืน นอกจากนี้ เมื่อวานตนได้ดูรายการที่บอสพอลได้ร้องไห้เหมือนเรียกดรามา แต่เมื่อไปดูอีกรายการหนึ่งก็ยังไม่ได้มีการรับผิด และยังแสดงลักษณะการต่อสู้คดีของบอสพอล ที่พยายามจะโยนคดีต่าง ๆ ไปให้กับทางแม่ข่าย ฉะนั้นหากแม่ข่ายคิดว่าจะเดือดร้อนให้รีบออกมาบอกข้อมูลกับตำรวจ ไม่เช่นนั้นพวกแม่ข่ายจะกลายเป็นแพะ

ขณะที่ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เปิดเผยว่า แม่ข่ายเริ่มอัดคลิปข่มขู่พยาน ไม่ให้พยานโพสต์หรือมาแจ้งความ โดยจะฟ้องกลับให้ติดคุกฐานแจ้งความเท็จ และกล่าวหาว่าตนเองเป็นคนเสี้ยมผู้เสียหายให้ปรักปรำบริษัทว่าเป็นพวกแชร์ลูกโซ่ ตนยืนยันว่าก่อนที่อีกฝ่ายจะทำให้ผู้เสียหายติดคุก ตนจะเอาบุคคลดังกล่าวเข้าคุกก่อน เพราะถือว่าเป็นการยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

ส่วนทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ กล่าวว่า มีผู้เสียหายประสานมาไม่น้อยกว่า 1,200 คน ทั้งที่อยู่ในหลายจังหวัด และอยู่ต่างประเทศ โดยเมื่อกลางปีที่ผ่านมามีผู้เสียหาย 3 คนมาปรึกษาคดีดังกล่าวกับตน หลังจากนั้นปรากฎว่ามีคนๆ หนึ่งพาผู้เสียหายไปไกล่เกลี่ยจนได้เงินคืน โดยผู้เสียหายได้เงินคืนครึ่งหนึ่ง แต่ที่น่าสนใจคือคนกลางที่ช่วยกลับได้รับค่าประสานงานเป็นเงินสูงถึง 7 หลัก

และที่ผ่านมาที่ไม่เคยปรากฎข่าวของดิไอคอนเลย เพราะเวลามีคนมาร้องเรียน ทุกครั้งจะถูกเอกสารของ สคบ. ฉบับหนึ่งค้านไว้ โดยระบุว่าคดีนี้ไม่ใช่คดีหน้างานของ สคบ. ทำให้ตำรวจที่จะรับแจ้งความมองว่าเป็นคดีแพ่ง ผู้เสียหายต้องไปฟ้องเอง ดังนั้น ตนเองขอฝากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบข้อมูลการรับแจ้งความของทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศ 5 ปีย้อนหลัง  นอกจากนี้ ตนยังมองว่าปัญหาที่ผ่านมาของตำรวจสอบสวนกลาง ไม่กล้าอายัดทรัพย์สินหนัก ๆ เท่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หากต้องการเน้นเรื่องยึดทรัพย์มาคืนให้ผู้เสียหาย ก็ควรโอนคดีให้ดีเอสไอ แต่หากต้องการเน้นคดีอาญารวดเร็ว ก็ต้องให้ตำรวจสอบสวนกลางทำ ซึ่งเดี๋ยวต้องหารือกันอีกที

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้มาร่วมทีมครั้งนี้ด้วย พร้อมเผยว่า มีบุคคลหนึ่งซึ่งเคยอยู่ในเครือข่ายบริษัทนี้ ร่วมทำตั้งแต่ยุคก่อตั้ง และคอยดูแลระบบหลังบ้านต่าง ๆ ส่งข้อมูลมาที่เพจสายไหมต้องรอด โดยบอกว่าบริษัทและบอสมีความใกล้ชิดกับผู้ใหญ่ระดับสูงในรัฐบาล มีการดูแลกัน เซ่นไหว้เทวดา (จ่ายส่วย) โดยใช้เงินสดนำไปเปลี่ยนเป็นสกุลเงินดิจิทัล USDT มีข้อมูลว่าถอนเงินที่ไหน และแลกเป็นเงินดิจิทัลที่ไหน คนรับแลกก็เป็นกลุ่มจีนเทา วันนี้จึงได้พาบุคคลนี้มาเป็นพยานเข้าให้ข้อมูลกับผู้บัญชาการระดับสูงของ บช.ก.

ตอนนี้ "เทวดา" (ผู้ใหญ่คนนั้น) เขาไม่ปลื้มบอสพอลแล้ว เพราะฉะนั้นหากบอสพอสหายไป เขา (เทวดา)ก็จะปลอดภัย ดังนั้นขอให้บอสพอลเข้าให้ข้อมูลทั้งหมดว่าใครเรียกรับผลประโยชน์จากคุณบ้าง มิฉะนั้นคุณกำลังจะตกอยู่ในอันตราย รวมถึงฝากบอกไปยังผู้ใหญ่ในรัฐบาล ทั้งสมัยก่อนและปัจจุบัน ขอให้หยุดการกระทำ แล้วไม่ต้องให้หน้าเสื่อไปติดต่อแทน และฝากบอกผู้ใหญ่ใน สคบ.ว่าทำอะไรอยู่ ระวังเขาเปิดขึ้นมาจะหน้าหงายทั้งหมด ฝากบอกตำรวจบางหน่วยงานที่รับเครื่องเซ่น ให้หยุดกระทำ เพราะประชาชนได้รับความเสียหายจำนวนมาก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง