ข่าวเย็นประเด็นร้อน - “กบ ไมโคร” แจงดรามา ขึ้นเวที ดิ ไอคอน เข้าพบตำรวจ ปคบ. แสดงความสุจริตใจ ยอมรับเคยเป็นแม่ทีม แต่เสียเงินจริงกว่า 2 ล้านบาท
นาย ไกรภพ จันทร์ดี หรือ กบ ไมโคร มือกีตาร์วงไมโคร ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียหายจากบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป กล่าวว่า เมื่อ 2 คืนที่แล้ว ได้ไปแจ้งความไว้แล้วที่ สน.ประเวศ และวันนี้ตนเดินทางมาพบกับเจ้าหน้าที่ ปคบ. เพื่อแสดงความสุจริตใจ และพร้อมให้ความร่วมมือทุกประการ
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการขุดภาพคลิปวิดีโอขึ้นเวที ดิ ไอคอน เจ้าตัวบอกว่า คลิปที่หลุดออกมาตอนขึ้นเวที เพิ่งสมัครเข้าร่วมงานบริษัทนี้ได้ประมาณ 4-5 เดือน เป็นการขึ้นไปพูดแบบไม่มีสคริปต์ มีกลุ่มเชียร์อัป บอกให้คนอื่นรู้ว่าธุรกิจนี้เปลี่ยนชีวิตอย่างไร
ยอมรับว่าตนเองเคยเป็นแม่ทีม โดยอยู่ในบริษัทดังกล่าวประมาณ 1 ปีนิด ๆ ซึ่งตอนที่ตนทำธุรกิจไม่มีคำว่าแม่ทีมด้วยซ้ำ รู้เพียงแค่ว่าเป็นธุรกิจแบบแฟรนไชส์ หลังมาร่วมธุรกิจนี้ก็ได้มีคนที่รักตนมาร่วมเปิดบิลทั้งหมด 8 ดีลเลอร์ มีลักษณะการทำงาน "ไม่เถียง ไม่ถาม ทำตามอย่างเดียว" เมื่อมีดีลเลอร์สั่งคำสั่งออกมาเราก็ต้องทำตามที่เขาสั่ง
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ร่วมลงทุนในธุรกิจนี้ เพราะว่าเชื่อมั่นในตัวเลขผลประกอบการของบริษัท ที่มียอดขาย 4,000 กว่าล้านบาท ภายในระยะเวลาแค่ไม่กี่ปี ซึ่งตนมาทำธุรกิจออนไลน์ ยืนยันว่าตอนนั้นที่ขึ้นเวทีไม่ได้รับค่าจ้าง โดยในบริษัทเรียกสิ่งนี้ว่า "การแบ่งปัน" ส่วนกรณีที่มีภาพปรากฏว่าตนไปท่องเที่ยวทริปฝรั่งเศส เป็นทริปโปรโมชั่นสำหรับ 10 ดีลเลอร์ ซึ่งตนเองเปิดไว้ 5 ดีลเลอร์ ภรรยา 2 ดีลเลอร์ และคนในบ้าน 3 ดีลเลอร์ มูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท
ส่วนสาเหตุที่ต้องออกจากธุรกิจนี้ เพราะไม่สามารถขายของได้ จึงตัดสินใจที่จะออกจากธุรกิจนี้ช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2566 และออกมาศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทนี้อย่างจริงจัง จึงพบว่ามีความไม่ชอบมาพากล หากรู้ว่าเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ก็ไม่มีใครที่อยากจะทำธุรกิจแบบนี้
คนดังอีกคนที่ออกมาแสดงตัวล่าสุด คือ นายศุภณัฐ เฉลิมชัยเจริญกิจ หรือ อ๊อฟ ศุภณัฐ นักร้องนักแสดงชื่อดัง ได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) หลังตกเป็นผู้เสียหายลงทุนขายผลิตภัณฑ์ในเครือดิ ไอคอน
คุณอ๊อฟ เปิดเผยว่า ช่วงโควิดที่ผ่านมา แม่ต้องการหารายได้เพื่อช่วยเหลือตัวเอง แต่ไม่ทราบว่าแม่จะทำอะไร กระทั่งทราบว่าแม่ถูกยิงแอดโฆษณามาหา จึงตัดสินใจเข้าไปร่วมลงทุนกับทางบริษัทในระดับดีลเลอร์ เป็นจำนวนเงิน 250,000 บาท ซึ่งพบว่าช่วงแรกจะมีการเรียนการสอนต่าง ๆ ผ่านแอปพลิเคชันซูม แต่หลังสถานการณ์โควิด-19 กลับเริ่มมีการชักชวนออกไปประชุมภายนอกบ่อยครั้ง รวมทั้งมีงานอีเวนต์ให้ไปเข้าร่วมด้วย ซึ่งตัวเองก็สมัครเป็นลูกทีมให้แม่ด้วยเนื่องจากเห็นว่าแม่หาลูกทีมไม่ได้
แต่เนื่องด้วยระบบการตลาดที่ไม่เน้นการขายสินค้า แต่เน้นหาคนลงทุน โดยให้ซื้อสินค้าจำนวนมาก ทำให้ทุกบ้านมีสินค้าหมด จนไม่สามารถจำหน่ายสินค้าออกได้ ส่งผลให้ต้องบริโภคกันเอง มูลค่าความเสียหายของตัวเองและแม่รวมกันทั้งสิ้นกว่า 1 ล้านบาท
ส่วนกรณีการแชร์คลิป ท่าน ว.วชิรเมธี ไปเทศน์สอนเหล่าผู้บริหาร บรรดาบอสของดิ ไอคอน โดยในคลิปที่เผยแพร่ มีบางช่วงบางตอนที่เป็นการเทศน์สอนเรื่องความรวย รวยข้ามคืน จนทำให้เกิดกระแสว่า ท่าน ว.วชิรเมธี จะมีส่วนในความผิดด้วยหรือไม่นั้น
ล่าสุด พระเมธีวชิโรดม ได้โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงแล้ว ระบุว่า ประกาศขออภัย และทำความเข้าใจให้ตรงกับความจริง หลังจากติดตามสถานการณ์ของบริษัท ดิ ไอคอน อย่างใกล้ชิดก็เข้าใจว่า น่าจะมีความไม่ชอบมาพากลหลายแง่มุมดำรงอยู่จริง ตามที่ผู้บริหารได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ล่าสุด แต่ภาพใหญ่ก่อนหน้านั้น ที่บริษัท ทำธุรกิจอย่างเปิดเผย โดยมีซูเปอร์สตาร์ระดับแถวหน้าของเมืองไทยมาร่วมเป็นพรีเซนเตอร์หรือผู้บริหารด้วย จึงทำให้คนที่เห็นภาพและข่าวเชื่อได้ว่าน่าจะมีความโปร่งใสในทุกขั้นตอน พระทุกรูปที่ได้รับนิมนต์ไปเทศน์ก็คงคิดเช่นนั้น
ในการสอนเมื่อต้นปีที่ผ่านมานั้น ผู้เขียนสอนเรื่อง "หัวใจเศรษฐี" หรือ กุญแจสู่ความสำเร็จ ซึ่งมีหลักฐานอ้างอิงอยู่ในพระไตรปิฎกชัดเจน โดยสอนผ่าน 3 วลีสำคัญ คือ อดทนให้ได้ ใจเย็นให้พอ และรอให้เป็น ใช้เวลาบรรยายถึง 1 ชั่วโมง 12 นาที
ระหว่างที่บรรยายให้รู้จักสร้างเนื้อสร้างตัวตามแนวพุทธด้วยความอดทน ใจเย็น ไม่ใจเร็วด่วนได้ ผู้เขียนจึงแซว หรือ ประชดแดกดัน คนที่มาฟังทั้งห้องประชุมว่า ถ้าอดทนไม่ได้ ใจเย็นไม่พอและรอไม่เป็น จะเอาให้รวยทันใจเลย เช่นนั้นแล้วก็แซวว่า "ลูกเอ๋ย ทำอย่างนั้นก็ดิ ไอคอนแล้ว" ซึ่งทุกคนที่นั่งฟังก็หัวเราะเข้าใจคำพูดที่ใครก็ไม่รู้ตัดมาเป็นคลิปนั้น โดยบริบทเป็นเพียงคำพูดหยิกแกมหยอกธรรมดาตามประสานักพูดทั่วไปที่อยากให้มีอารมณ์ขันเท่านั้น ไม่ได้มีนัยจริงจัง ถึงขั้นที่จะเอามาปั่นว่าพระมีส่วนร่วมทางธุรกิจใด ๆ ทั้งสิ้น ขอย้ำตรงนี้ว่าพระทุกรูปที่เคยไปเทศน์ไปสอนที่บริษัททุกรูปไปด้วยใจสุจริต ในฐานะพระที่ได้รับนิมนต์ไปสอนไปฉันเท่านั้น ไม่มีรูปไหนเข้าไปเกี่ยวข้องกับบริษัทเชิงธุรกิจใด ๆ ทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ศูนย์วิปัสสนาไร่เชิญตะวัน ตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย สอบถามชาวบ้านในพื้นที่ เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏคลิปที่ ท่าน ว.วชิรเมธี ไปเทศน์ให้พนักงานของบริษัทขายตรงที่อื้อฉาวในขณะนี้ ในความคิดส่วนตัวตนไม่เชื่อว่า ท่านจะไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าว ตามปกติท่านจะเป็นคนอัธยาศัยดี เจอใครก็จะเข้าไปพูดคุย ใครมาขอพบท่านจะร่วมพูดคุย หรือถ่ายรูปด้วยตลอด
ขณะที่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อยื่นหลักฐานต่อ นายจิติภัทร์ บุญสม ผอ.กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง โดยให้เวลา 3 วัน ในการเพิกถอนใบอนุญาตตลาดแบบตรง ของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ที่ทำธุรกิจไม่ตรงกับใบอนุญาต หากไม่ดำเนินการจะเอาผิด 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
โดย นายอัจฉริยะ ระบุว่า สคบ. เป็นนายทะเบียนรับจดทะเบียนให้กับบริษัทนี้ตั้งแต่ปี 2562 คนที่รับจดคือ เลขาธิการ สคบ. และ ผอ.กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรง และตลาดแบบตรง ที่รับตำแหน่งในขณะนั้น ซึ่งในการจดทะเบียนได้จดทะเบียนตลาดแบบตรง และดำเนินการแบบผิดกฎหมายมาตลอด ตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 5 ปีแล้ว เลขาธิการและเจ้าหน้าที่มีอำนาจในการตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่มีการจดทะเบียน แต่ทำไมถึงไม่มีการตรวจสอบ