อุทกภัย 2 ระลอกที่เชียงใหม่ ในช่วงปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวทางเศรษฐกิจการท่องเที่ยวอย่างหนัก สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยอมรับแอ่วเหนือคนละครึ่งน้อยเกินคาด แนะรัฐจัดยาแรงชุดสองปลุกท่องเที่ยวไฮซีซั่น
นายพัลลภ แซ่จิว รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ประเมินความเสียหายที่เกิดกับภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมทั้งสองระลอกเป็นตัวเลขกว่า 2,280 ล้านบาท ทั้งหมดนี้เป็นผลกระทบจากกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยที่หายไปชัดเจนในช่วง 10 วันที่เกิดน้ำท่วม โรงแรม ร้านอาหารและกิจกรรมท่องเที่ยวเกือบทั้งหมดต้องหยุดชะงักและยังเกิดความเสียหายกับยานพาหนะสำหรับการท่องเที่ยวทั้งรถบัสรถตู้และอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ ในกิจการท่องเที่ยวอีกจำนวนมาก
ส่วนฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นที่กำลังจะมาถึง ในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งจีน เกาหลี อเมริกาและยุโรป ที่มีสัดส่วนร้อยละ 30 ไม่น่าห่วงเพราะยังมีการเดินทางเข้ามาตามปกติ แต่นักท่องเที่ยวกลุ่มคนไทยที่มีสัดส่วนถึงร้อยละ 70 เป็นกลุ่มที่ห่วงว่าจะหายไป โดยเฉพาะกลุ่มที่นิยมการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติกึ่งแมนเมดที่มีเป้าหมายเที่ยวในตัวเมืองและแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ทั้ง ปางช้าง ล่องแพ และ ท่องเที่ยวเชิงผจญภัยที่อาจหายไปในช่วงเวลาหนึ่ง
นายพัลลภ ให้ความเห็นเกี่ยวกับแคมเปญแอ่วเหนือคนละครึ่งที่รัฐบาลจะช่วยจ่ายให้คนละ 400 บาท มองว่าน้อยมากหากเทียบกับค่าใช่จ่ายต่อตัวต่อคนของนักท่องเที่ยวชาวไทย โดยเฉลี่ยนักท่องเที่ยวคนไทยที่เข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่จะมีการใช้จ่ายวันละประมาณ 2,000 บาท เฉลี่ยคนละสองวันครึ่งหรือประมาณ 5,000 บาทต่อคนต่อทริป ตอนแรกคาดหวังว่าภาครัฐจะกระตุ้นการท่องเที่ยวคนละ 2,000 บาทซึ่งเป็นตัวเลขที่เหมาะสม แต่เมื่อน้อยกว่าที่คาดไว้จึงได้แต่หวังว่าเงินสนับสนุนในแคมเปญนี้จะเป็นเพียงการนำร่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อสื่อสารการตลาดให้เห็นว่าเชียงใหม่เที่ยวได้เหมือนเดิมแล้ว เป็นการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาให้มากขึ้น และ หวังว่าหลังจากนี้จะมีแคมเปญกระตุ้นชุดที่สองตามมาอีก