เข้าระงับเหตุหนุ่มซ้อมแฟนสาว ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านถูกรัวยิงตาย ลูกชายเจ็บสาหัส

เข้าระงับเหตุหนุ่มซ้อมแฟนสาว ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านถูกรัวยิงตาย ลูกชายเจ็บสาหัส

View icon 537
วันที่ 17 ต.ค. 2567 | 14.19 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (17 ต.ค. 67) เมื่อเวลา 01.30 น. ที่ผ่านมา พ.ต.ต.ชัยนาส ทองรัตน์ สว.(สอบสวน) สภ.บ้านในควน ได้รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 6 บ้านโคกทรายใต้ ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยฝ่ายสืบสวน บก.สส.ภ.9 กำลังตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ตรัง ตำรวจ กก.6 บก.ป. (ชป.ตรัง) เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ตรัง นายสมนึก ธูปหอม นายอำเภอย่านตาขาว และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างภักดีย่านตาขาว

ที่เกิดเหตุบนพื้นหญ้าหน้าบ้าน พบร่างของ นายสะวง สิริไชย หรือ ผู้ช่วยทวย อายุ 61 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ สวมเสื้อสีขาว กางเกงสีดำ นอนหงายหน้าเสียชีวิต ถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม.กระสุนเจาะเข้าบริเวณ ท้อง สะเอว แผ่นหลัง และแขน รวม 5 นัด ใกล้กันพบอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. ยังบรรจุอยู่ในซองหนัง กระสุนบรรจุอยู่ในแมกกาซีน แต่ไม่ได้ขึ้นลำไว้ในรังเพลิง ซึ่งเป็นของผู้เสียชีวิต จำนวน 1 กระบอกตกอยู่ นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บทราบชื่อ นายสมรักษ์ สิริไชย หรือ ปาล์ม อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นลูกชายผู้เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บถูกยิงด้วยอาวุธปืนกระบอกเดียวกันเข้าที่ท้อง แขน และขา รวม 3 นัด ถูกนำตัวส่ง รพ.ศูนย์ตรัง ไปก่อนหน้า ซึ่งขณะนี้ทราบว่าอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องเข้าทำการผ่าตัด และต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

ขณะที่บริเวณจุดเกิดเหตุ พบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่จำนวน 14 ปลอก และหัวกระสุนปืนขนาดเดียวกันตกอยู่อีก 2 หัว เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ถัดออกมาบนถนนหน้าบ้านพบรถยนต์กระบะ สีแดง-เทา ทะเบียน กจ 5730 ตรัง ซึ่งเป็นรถของ นายวร กกแก้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว ถูกยิงด้วยอาวุธปืนกระบอกเดียวกัน เข้าที่กระจกด้านหลังทะลุกกระจกหน้ารถ จำนวน 1 นัด 

สอบถาม นายวร บอกว่า ตอนเกิดเหตุตนอยู่ในงานศพ ได้มีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่เสียชีวิต โทรศัพท์มาบอกว่า มีการทะเลาะวิวาทกันระหว่างหนุ่มและแฟนสาว โดยให้ตนเข้ามาช่วยเคลียร์พื้นที่ ซึ่งเมื่อตนเข้ามาถึงก็พบเห็นว่าแฟนสาวของผู้ก่อเหตุได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลฟกช้ำตามใบหน้าและลำตัว พร้อมทั้งได้พูดคุยจนเรื่องน่าจะยุติดีขึ้นแล้ว โดยให้ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกัน และให้แฟนสาวกลับไปบ้านที่ จ.พัทลุง แต่หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที โดยก่อนจะกลับตนขอให้ถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน เพื่อรายงานผู้บังคับบัญชาในการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากเคลียร์ปัญหากันจบแล้ว และทุกคนกำลังที่จะแยกย้ายเดินจะขึ้นรถกลับ ทางผู้ก่อเหตุน่าจะไม่พอใจที่ฝ่ายปกครองจะถ่ายภาพ พร้อมพูดสั่งห้ามไม่ให้ถ่าย

ปรากฏว่าระหว่างถ่ายภาพนั้น เสียงปืนกลับดังขึ้นทันที โดยยิงใส่ทั้งตน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและลูกชาย ซึ่งตอนนั้นชุลมุนมากเพราะอยู่กันประมาณ 8 คน โดยตนไปล้มอยู่อีกด้านหนึ่ง ส่วนผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกับลูกชายก็ล้มกันไปคนละทาง เพราะไม่รู้มาก่อนเลยว่าผู้ก่อเหตุมีการพกปืนอยู่ที่เอว โดยยิงระยะห่างประมาณ 3 เมตร หลังจากนั้นตนได้ลุกขึ้น และเดินไปบนถนน คนก่อเหตุยังเดินตามไปยิงกระจกรถยนต์ของตนอีก เนื่องจากอาจคิดว่าตนขึ้นหนีขึ้นไปบนรถ และระหว่างนั้นตนก็ได้ชักปืนยิงสวนไป 1 นัด ก่อนคนร้ายจะหลบหนี เป็นก่อเหตุอุกอาจที่สุด ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ส่วนปืนน่าจะยิง 2 แมกกาซีน เนื่องจากได้ยินเสียงตอนเปลี่ยนแมกกาซีน

อย่างไรก็ตาม แนวทางการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผู้เป็นแม่ของผู้ก่อเหตุได้มารักษาตัวกับหมอพื้นบ้านในพื้นที่ ต่อมาผู้ก่อเหตุได้เดินทางมาเยี่ยมแม่ โดยมาพร้อมกับแฟนสาวที่คบหากันได้ประมาณ 3 เดือน และทั้งคู่ได้ไปนอนพักอาศัยอยู่ที่ขนำบริเวณเชิงเขาในพื้นที่ กระทั่งก่อนเกิดเหตุผู้ก่อเหตุได้ลงมือซ้อมทุบตีทำร้ายแฟนสาวได้รับบาดเจ็บ ต่อมาแฟนสาวได้ลงมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านด้านล่าง จนมีชาวบ้านนำไปบ้านของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แต่ปรากฏว่าผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอยู่ที่งานศพในวัด ก่อนชาวบ้านจะช่วยโทรศัพท์ประสานกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านให้ โดยทางผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านได้บอกให้ชาวบ้านช่วยนำตัวแฟนสาวมาที่บ้านหลังเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านญาติของผู้ก่อเหตุ เพื่อช่วยกันเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่อมาถึงที่บ้านหลังเกิดเหตุแล้ว ปรากฏว่าผู้ก่อเหตุได้ตามลงมาจากขนำมาที่บ้านหลังเกิดเหตุ ก่อนจะเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

เบื้องต้นผู้ก่อเหตุทราบเพียงฉายาคือ “แขกขาว” อายุประมาณ 37 ปี หลังก่อเหตุได้วิ่งหลบหนีไปพร้อมกับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ และมีประวัติเคยต้องคดีทางอาญา และเป็นอาชญากร ที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีต้องการตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย