ข่าวภาคค่ำ - "บอส" 17 คน ถูกคุมตัวจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไปขออำนาจศาลฯ ฝากขังแล้ว โดยทนายความของผู้ต้องหาส่วนใหญ่ตัดสินใจไม่ยื่นประกันตัว ยกเว้นทนายบอสดาราที่ยื่นขอประกัน
บอสดาราที่ว่านี้ คือ "บอสแซม", "บอสกันต์" และ "บอสมิน" หลังจากถูกจับกุมตัวไปเมื่อวาน พาตัวมาสอบปากคำตลอดทั้งวัน ก่อนที่ตำรวจสอบสวนกลาง จะพาตัวไปขออำนาจศาลอาญาฝากขัง พร้อมกับ "บอส" คนอื่น ๆ รวม 17 คน ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
โดยทนายความของ "บอสมิน" บอกว่า ครอบครัวได้ยื่นขอประกันในชั้นศาลฯ ยอมรับว่าทุกคนเครียดที่รู้ข่าวเรื่อง ดาราสาวถูกดำเนินคดี
ขณะที่ ทนายรณณรงค์ เปิดเผยว่า มีตัวแทนผู้เสียหาย ยื่นคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด เพราะคดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก ความเสียหายสูง เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนีระหว่างประกันตัว
หลังศาลฯ พิเคราะห์คำร้องของพนักงานสอบสวน เปรียบเทียบคำร้องของผู้ต้องหา เห็นว่าคดีนี้มีการทำเป็นขบวนการ และมีการแบ่งหน้าที่กันทำ เป็นเรื่องร้ายกระทบเป็นวงกว้าง จึงมีคำสั่งยกคำร้องยื่นขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ก่อนจะสั่งให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พาตัวผู้ต้องหาทั้ง 17 คน ไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง
ส่วน "บอสพอล" ที่ไม่ได้พาตัวไปขออำนาจศาลฯ ฝากขัง ทางรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ชี้แจงว่าเพราะ "บอสพอล" ประสงค์จะให้ปากคำในประเด็นอื่น นอกเหนือจากประเด็นซักถามของพนักงานสอบสวน จึงต้องให้ความเป็นธรรม ส่งผลให้พาตัวไปขออำนาจศาลฯ ฝากขังไม่ทัน ส่วนภาพรวมการสอบปากคำผู้ต้องหาในคดีนี้ พบว่าทั้งหมดให้การปฏิเสธ แต่ก็ให้การเป็นประโยชน์ต่อการรวบรวมพยานหลักฐาน
ส่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI วันนี้ลงพื้นที่ 2 จุด จุดแรกที่เป็นอาคารคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์ ที่บริษัท "ดิไอคอนกรุ๊ป" เช่าจัดเก็บข้อมูลดิจิทัล เพื่อจะนำข้อมูลไฟล์แบ็กอัพทั้งหมด ไปตรวจสอบหาเส้นทางการเงิน และกิจกรรมสำคัญของบริษัทฯ ที่อาจเชื่อมโยง และเป็นประโยชน์ต่อแนวทางการสืบสวน
จุดที่ 2 เป็นบริษัทที่ 1 ใน 18 ผู้ต้องหาใช้เก็บข้อมูลลูกค้าต่าง ๆ ตั้งอยู่ในตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เพื่อจัดเก็บเซิร์ฟเวอร์ ที่เป็นระบบหลังบ้านและโปรแกรมอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ที่เชื่อว่าจะมีข้อมูลแผนการตลาด และการเทรดของผู้ต้องหา
ขณะที่วันนี้มีผู้เสียหายไม่น้อยกว่า 1,700 คน เข้าแจ้งความกับตำรวจสอบสวนกลาง รวมความเสียหายสะสมมากกว่า 630 ล้านบาท ส่วนในต่างจังหวัด พบว่ามีผู้เสียหายไปเข้าแจ้งความกับตำรวจ ทั้งที่เชียงใหม่, ลำปาง, น่าน, ประจวบคีรีขันธ์, กระบี่ และขอนแก่น นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายเดินทางจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อมาแจ้งความดำเนินคดีด้วย
