เรียกสอบแก๊งโจ๋วางยาเหยื่อกระทำชำเรา

View icon 24
วันที่ 24 ต.ค. 2567 | 16.32 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - คืบหน้ากรณีสาวอายุ 19 ปี ร้องมูลนิธิปวีณาฯ หลังถูกแก๊งวัยรุ่นรุมกระทำชำเรา แถมถ่ายคลิปแบล็กเมล์ แจ้งความแล้วคดีไม่คืบ ล่าสุด นางปวีณา พาเหยื่อสาวอีกราย เข้าแจ้งความเพิ่ม

เรียกสอบแก๊งโจ๋วางยาเหยื่อกระทำชำเรา
ความคืบหน้าคดีหญิง อายุ 41 ปี ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อม นางสาวเอ อายุ 19 ปี ลูกสาว ร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ขอความเป็นธรรมและช่วยติดตามคดีถูกกลุ่มวัยรุ่น 9 คน ก่อเหตุกระทำชำเรา เนื่องจากเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะขณะแจ้งความ มีตำรวจบอกว่าคนกลุ่มนี้เป็นลูกน้อง "เสี่ยโอ๋" ซึ่งตนไม่รู้ว่า เสี่ยโอ๋ เป็นใคร จึงมาขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยให้ความปลอดภัยและติดตามคดี

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกลางดึกวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อนของ นางสาวเอ โทร.มาหาแล้วบอกว่า แฟนนางสาวเอ รออยู่ที่บ้านพักของแห่งหนึ่ง เมื่อไปถึงกลับเจอกลุ่มวัยรุ่นตลาดโพธิ์จันทร์ ประมาณ 15 คน แต่ไม่เจอแฟนของตัวเองแต่อย่างใด

จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวได้รุมจับตัว นางสาวเอ พร้อมกับใช้ผงสีขาวยัดใส่ปากใส่จมูก จนมีอาการแขนขาอ่อนแรง และถูกวัยรุ่น 9 คน รุมผลัดเปลี่ยนขืนใจจนกระทั่งรุ่งเช้า หลังเกิดเหตุไม่กล้าไปแจ้งความ เพราะอับอายและเกรงกลัวกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว กระทั่งต่อมาเพื่อนสาวที่โทรมาชวน นางสาวเอ ไปบ้านหลังดังกล่าวได้โทรมาอ้างว่ามีคลิปเหตุการณ์ตอนที่ถูกรุมโทรม ถ้าไม่จ่ายเงิน 2,500 บาท ก็จะนำคลิปดังกล่าวไปเผยแพร่ในโซเชียลฯ นางสาวเอ จึงไปปรึกษากับแม่ และเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ รวมทั้งเข้าร้องเรียนต่อมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

"ปวีณา" พาเหยื่ออีกราย เข้าแจ้งความ
ล่าสุดช่วงบ่ายที่ผ่านมา นางปวีณา หงสกุล ได้ลงพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมพาเหยื่อรายใหม่ เป็นหญิงสาวอายุ 18 ปี มาพบตำรวจ โดยผู้เสียหายรายนี้เล่าว่า ช่วงเดือนกันยายน 2566 ตอนนั้นเธอยังอายุ 17 ปี เธอได้รู้จักกับ นายจิม (นามสมมุติ) และคุยกันประมาณ 1 เดือน ก่อนเกิดเหตุ นายจิม ได้พาไปที่ผับแห่งหนึ่ง และดื่มเหล้ากับเพื่อน ๆ แก๊งโพธิ์จันทร์ เธอเห็นบางคนในกลุ่มเหมือนสูดดมผงสีขาว และเธอรู้สึกคล้ายถูกวางยา เพราะสะลึมสะลือและเมามาก แต่ก็คิดว่า นายจิม น่าจะดูแลพาไปส่ง แต่ที่ไหนได้ นายจิม กับเพื่อนผู้หญิงอีกคนได้ทิ้งเธอไว้กับผู้ชายแก๊งโพธิ์จันทร์ ประมาณ 5 คน และถูกพาไปกระทำที่ห้องเช่าแห่งหนึ่ง พอรู้สึกตัวขึ้นมาจึงได้รีบกลับหอพัก โดยไม่กล้าบอกใคร และไม่กล้าแจ้งความเพราะกลัวจะเป็นอันตราย ผ่านมา 1 ปี ตราบาปยังติดตัว เมื่อเห็นข่าวที่ผู้เสียหายอายุ 19 ปี เข้าขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิปวีณาฯ จึงคิดว่าตัวเองต้องออกมาสู้ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง

ด้าน นางปวีณา ระบุว่า หลังรับเรื่องร้องทุกข์ของหญิงอายุ 19 ปี ก็ได้มีหญิงอายุ 18 ปี ติดต่อกับมูลนิธิปวีณาฯ แจ้งว่าเป็นเหยื่อของแก๊งนี้ถูกพาไปกระทำในลักษณะคล้ายกัน และถูกข่มขู่จะปล่อยคลิปอีกด้วย โดยผู้เสียหายทั้งคู่ มีหลักฐานเป็นแช็ตที่พูดคุยกับคนในแก๊งนี้หลังเกิดเหตุ ข่มขู่จะปล่อยคลิป และข่มขู่เรียกเงิน จึงได้ประสาน พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีและให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย

โดยวันนี้ขอให้ตำรวจออกใบส่งตัวน้อง 2 คน ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลและขอประวัติการรักษา เพราะหลังเกิดเหตุผู้เสียหายอายุ 19 ปี อวัยวะเพศอักเสบติดเชื้อ จึงได้ไปทำการรักษาที่โรงพยาบาล ส่วนอีกคนก็ได้ไปพบแพทย์ฉีดยาป้องกันโรคทางเพศสัมพันธ์ด้วย

ด้าน พล.ต.ต.สารนัย คงเมือง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังได้รับแจ้ง จึงรีบส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ พร้อมสอบปากคำผู้เสียหายและพยานที่เกี่ยวข้องจำนวน 6 ปาก หลังจากนั้น วันที่ 16 ตุลาคม ได้รับผลการตรวจจากแพทย์ และในวันที่ 18 ตุลาคม พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายจับ

ซึ่งภายหลังได้รับคำแนะนำจากศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ ให้ออกหมายเรียกในเบื้องต้นก่อน และได้นัดหมายผู้ต้องสงสัย 4 คน เข้าสอบปากคำในวันนี้ พร้อมทั้งนัดหมายสอบปากคำแพทย์ประกอบผลการตรวจสอบในวันที่ 26 ตุลาคม

ส่วนผู้ต้องสงสัยที่เหลือ อยู่ระหว่างขยายผลเพิ่มเติม โดยชุดสืบสวนกำลังไล่ตรวจสอบ เพราะบางคนผู้เสียหายรู้จักแค่ชื่อเล่น แต่ก็ให้ดูรูปผู้ต้องสงสัยที่ร่วมก่อเหตุเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเมื่อต้นปีที่แล้ว วัยรุ่นกลุ่มนี้ก็เคยถูกจับกุมข้อหาลักลอบขายน้ำกระท่อมมาแล้ว ซึ่งคดีนี้ ทางตำรวจอาจต้องใช้ระยะเวลา เพราะขณะเกิดเหตุกับเวลารับแจ้งระยะเวลาห่างกันเกือบเดือน ทำให้หลักฐานหลายอย่างหายไป และต้องตามไล่ย้อนเท่าที่จะทำได้ แต่เชื่อมั่นว่ามีความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียหายได้แน่นอน

อย่างไรก็ตาม คดีนี้ต้องมีความชัดเจนให้กับสังคม และที่สำคัญทางผู้บังคับบัญชาให้ความสนใจ พร้อมเร่งรัดให้ดำเนินคดี และจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง