ห้องข่าวภาคเที่ยง - ชักจะบานปลาย กรณีสาวผู้เสียหายเข้าแจ้งความ หลังถูกเมียอดีต "บิ๊กตำรวจ" ลักทรัพย์ และบุกรุกเคหสถาน เป็นชู้กับสามีเธอ แต่กลับทิ้งหลักฐานสำคัญเอาไว้ นำไปสู่คดีฟอกเงิน
ทีมข่าวได้เปิดใจกับสาวผู้เสียหายอีกรอบ หลังผู้ต้องหาเข้ามอบตัวหลังศาลออกหมายจับ แต่ได้รับการประกันตัว โดยสาวผู้เสียหายเล่าว่า เรื่องนี้ต้องแยกเป็น 2 กรณี
กรณีแรก เธอจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่หยุดพฤติกรรมเล่นชู้กับผัวเธอ แถมยังบุกรุกเข้ามาถึงคอนโดมิเนียม ย่านสุขุมวิท ขโมยเงิน 600,000 บาท และทองคำ 120 บาท นำออกไปด้วย ซึ่งจนถึงตอนนี้ ฝั่งคู่กรณี ยังไม่ติดต่อนำของมาคืน แต่ถึงจะนำมาคืน ก็ต้องได้รับโทษทางกฎหมาย
ประเด็นนี้มันเริ่มบานปลาย ไม่ใช่แค่ลักทรัพย์ บุกรุก เล่นชู้แล้ว เพราะคู่กรณี ได้นำถุงสีรุ้งมาฝาก ซึ่งภายในเป็นเงินจำนวนมาก
กรณีนี้ ตำรวจจะขยายผลเพิ่มเติม ว่าเงินมีอยู่ในนั้นจริงหรือไม่ เพราะหากว่าเป็นเงินของ ผู้ต้องหาา ก็ต้องสืบหาที่มาของเงิน เพราะก่อนหน้านี้ 6 สิงหาคม ปปง. ได้ยืดทรัพย์ผู้ต้องหาและสามี ในคดีฟอกเงิน จากเว็ปพนันออนไลน์
เรื่องนี้ มีข้อมูลเพิ่มเติมจากการสอบปากคำเมียอดีตบิ๊กตำรวจ เบื้องต้น เธอให้การภาคเสธ และยอมแค่ว่ารู้จักกับผู้กล่าวหาจริง แต่ไม่ได้ลักทรัพย์ รวมถึงไม่ได้มีความสัมพันธ์กับสามีของผู้เสียหาย พร้อมอ้างว่า ก่อนหน้านี้ ผู้เสียหายมายืมเงินเธออีกด้วย
ส่วนที่พยานของผู้เสียหายยืนยันว่า ในวันเกิดเหตุนอกจากเมียอดีตบิ๊กตำรวจแล้ว ยังมีชายอีกสามคนเข้าไปที่คอนโดฯ ด้วย เรื่องนี้ทางผู้ต้องหายอมรับว่าไปจริง โดยจะพาชายทั้ง 3 คนมาให้ปากคำ กับตำรวจภายใน 15 วัน
ทีนี้ หลายคนสงสัยว่า คดีลักทรัพย์และบุกรุกเคหสถาน เหตุใดถึงต้องมีการออกหมายจับ ทั้ง ๆ ที่ผู้ที่ถูกกล่าวหาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
เรื่องนี้ตำรวจยืนยันว่าตามกระบวนของกฎหมาย ตำรวจไม่ได้ออกหมายจับ แต่รวบรวมพยานหลักฐานให้ศาลเป็นผู้พิจารณา ซึ่งศาลเห็นหลักฐานสำคัญ จึงเชื่อได้ว่ามีการกระทำผิดจริง ศาลจึงออกหมายจับให้