เวลา 17.18 น. วันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน ไปยังพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน
วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า รัชกาลที่ 3 เดิมชื่อวัดใหม่ สันนิษฐานว่าได้รับพระราชทานชื่อวัดบวร เมื่อครั้งพระมหาเจษฎาราชเจ้า ทรงอาราธนาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช ขณะทรงผนวชอยู่ที่วัดสมอราย หรือ วัดราชาธิวาส ให้มาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก เมื่อปี 2379
ภายในพระอุโบสถ มีพระพุทธรูปสำคัญ 2 องค์ พระประธานองค์ใหญ่ คือ "พระสุวรรณเขต" อัญเชิญมาจากวัดสระตะพาน จังหวัดเพชรบุรี และพระประธานที่ประดิษฐานอยู่ทางด้านหน้าพระสุวรรณเขต คือ พระพุทธชินสีห์ อัญเชิญมาจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก ที่ใต้ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ บรรจุพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร นอกจากนี้ ยังเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ ที่เสด็จออกทรงผนวชหลายพระองค์ และเป็นที่สถิตของสมเด็จพระสังฆราชถึง 4 พระองค์ ทั้งยังเป็นแหล่งกำเนิดการศึกษาของคณะสงฆ์ คือ มหามกุฏราชวิทยาลัย
ทั้งนี้ เมื่อพระสงฆ์ทำพิธีกฐินกรรมแล้ว ทรงจุดธูปเทียนถวายสักการะพระรูป สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์, สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส, สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ และพระอัฐิสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) พระราชกรรมวาจาจารย์ ทรงทอดผ้าไตร และถวายเครื่องบริวารพระกฐิน ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก
จากนั้น ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมพระไพรีพินาศ (จำลอง) เนื้อเงิน ขนาดหน้าตัก 3 นิ้ว ซึ่งทางวัดจัดสร้างขึ้น เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐาน ณ อาคารพิพิธภัณฑ์ ภปร. พระไพรีพินาศ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่วัดบวร ประดิษฐานอยู่ ณ เก๋งน้อย บนชั้นที่สอง ลานประทักษิณ ด้านทิศเหนือของพระเจดีย์ภายในวัดฯ
โอกาสนี้ พระพรหมวชิรรังษี เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ถวายพระไพรีพินาศ (จำลอง) เนื้อทองคำ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และถวายพระกริ่งบัวรอบ เนื้อทองคำ และเนื้อนวโลหะ แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี
จากนั้น เสด็จออกจากพระอุโบสถ ทรงเททองหล่อพระมหาวชิรจุลมงกุฎยอดต้นไม้เงิน ต้นไม้ทอง สำหรับถวายพระพุทธชินสีห์ พระประธานประจำพระอุโบสถ เพื่อเป็นพุทธบูชา และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รวมทั้ง ถวายพระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมทรงเททองหล่อพระไพรีพินาศ (จำลอง) เนื้อสัมฤทธิ์ ขนาดหน้าตัก 3 นิ้ว เพื่อพระราชทานแก่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคทุนทรัพย์ในโครงการจัดสร้างอาคารที่พักสำหรับพระสงฆ์และสามเณรที่มาศึกษาพระปริยัติธรรม ณ วัดบวรนิเวศวิหารต่อไป
จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ พระอุโบสถวัดราชโอรสาราม เขตจอมทอง ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับผ้าไตรจากเจ้าพนักงานศุภรัต ทรงวางผ้าไตรเหนือพานแว่นฟ้า ซึ่งตั้งอยู่หน้าอาสน์สงฆ์ใกล้เจ้าอาวาส แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปถวายพัดยศ ณ ที่ประดิษฐานหน้าพระพุทธอนันตคุณอดุลญาณบพิตร พระประธานพระอุโบสถ ซึ่งพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ วัดราชโอรสาราม จัดสร้างพัดยศ องค์ใหม่ ทดแทนองค์เดิม ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า ทรงสร้างถวาย และสูญหายไปเมื่อ 2549 โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ สำหรับจัดสร้างพัดยศ โดยได้นำแบบลวดลายพัดยศของพระประธานพระอุโบสถ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม มาเป็นต้นแบบ
จากนั้น ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธอนันตคุณอดุลญาณบพิตร พระประธานพระอุโบสถ แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ พระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า รัชกาลที่ 3 จากนั้น ทรงหยิบผ้าห่มสำหรับพระประธานที่วางอยู่บนผ้าไตร พระราชทานเจ้าพนักงานภูษามาลา เมื่อเจ้าหน้าที่กรมการศาสนากราบบังคมทูลรายงานจำนวนพระสงฆ์จบแล้ว ทรงหยิบผ้าไตรที่พานแว่นฟ้านั้นพาดระหว่างพระกร แล้วประนมพระหัตถ์ผินพระพักตร์สู่พระประธาน ทรงว่า "นะโม ตัสสะฯ" จบ 3 หนแล้ว ผินพระพักตร์สู่ที่ชุมนุมสงฆ์ กล่าวคำถวายผ้าพระกฐิน ทรงวางผ้าไตรไว้บนพานแว่นฟ้าที่เดิม ทรงประเคนผ้าไตรและเทียนปาฏิโมกข์แด่พระสงฆ์รูปที่ 2 เมื่อพระสงฆ์ทำพิธีกฐินกรรมเสร็จแล้ว และพระสงฆ์ผู้ครองผ้าพระกฐินออกไปครองผ้าพระกฐินเสร็จกลับมานั่งยังอาสน์สงฆ์พร้อมแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปถวายเครื่องบริวารพระกฐินแด่พระสงฆ์ผู้ครองผ้าพระกฐิน ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก
วัดราชโอรสาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร เดิมเรียกว่า วัดจอมทอง, วัดเจ้าทอง หรือ วัดกองทอง โดยมีมาตั้งแต่ก่อนสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฏาราชเจ้า ขณะทรงดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ทรงเป็นแม่ทัพคุมพลไปสกัดทัพพม่าทางด่านเจดีย์ 3 องค์ จังหวัดกาญจนบุรี ได้เสด็จมาประทับแรมที่หน้าวัด ภายหลังจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ปฏิสังขรณ์วัด เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระอารามหลวง เมื่อแล้วเสร็จ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระราชทานนามว่า "วัดราชโอรส" หมายถึง "วัดที่พระราชโอรสทรงสถาปนา" ภายในวัดฯ ส่วนใหญ่ตกแต่งด้วยศิลปะจีน และผสมผสานศิลปกรรมไทย ปัจจุบัน มีพระพรหมวชิรปัญญาจารย์ (ทองดี สุรเตโช) เป็นเจ้าอาวาส มีพระสงฆ์และสามเณร จำพรรษา รวม 55 รูป