การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ของญี่ปุ่น ต้องอยู่ในภาวะผันผวน หลังผลการเลือกตั้งผิดคาด พรรครัฐบาลไม่ได้เสียงข้างมากในสภา โดยผลการเลือกตั้งล่าสุด พรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ แอลดีพี (LDP) ของนายกรัฐมตรี ชิเงรุ อิชิบะ และพรรคร่วมรัฐบาลโคเมอิโตะ ได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรเพียง 215 ที่นั่ง ลดลงจากเดิมที่ 279 ที่นั่ง ทำให้ไม่ได้เสียงข้างมากในสภา ที่จะต้องได้ที่นั่ง 233 ที่นั่ง ซึ่งเป็นผลมาจากคดีอื้อฉาวด้านเงินทุน และปัญหาค่าครองชีพที่ตกต่ำของรัฐบาล ขณะที่ พรรคประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่น (CDPJ) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก ได้ที่นั่งไป 148 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นจากเดิม 98 ที่นั่ง แต่ก็ยังห่างไกลที่จะได้คะแนนเสียงข้างมากในสภา
โดยในช่วงบ่ายวันนี้ นายกรัฐมนตรี อิชิบะ มีกำหนดออกแถลงข่าวด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ พรรคแอลดีพี มีแผนจะประชุมสภาในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ เพื่อยืนยันตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่
ทั้งนี้ จากความไม่แน่นอนทางการเมืองของญี่ปุ่น ส่งผลให้ค่าเงินเยนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนด้วย ส่วนความเคลื่อนไหวการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ล่าสุด ยังคงเข้มข้นในช่วงสัปดาห์สุดท้าย ก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน
โดยอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ได้ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงใหญ่ที่ เมดิสันสแควร์ การ์เดน ในนคร"นิวยอร์ก" เมื่อวานนี้ ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง และเหยียดเชื้อชาติ พร้อมย้ำจะหยุดยั้งการอพยพเข้าเมืองที่ผิดกฎหมาย และจะเนรเทศผู้อพยพครั้งใหญ่ หากเขาชนะการเลือกตั้ง นอกจากนั้น ยังเรียกแฮร์ริสว่าเป็น บุคคลที่มีไอคิวต่ำมาก ด้วย พร้อมเรียกร้องให้ชาวนครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา ออกมาใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกันมาก ๆ ด้วย
ขณะที่ มีบุคคลสำคัญ และมีชื่อเสียงหลายคนขึ้นเวทีร่วมการปราศรัยหาเสียงครั้งนี้ ตั้งแต่ นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ฮัลค์ โฮแกน อดีตนักมวยปล้ำอาชีพ รูดี้ จูลีอานี อดีตนายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์ก ไปจนถึง นางเมลาเนีย ทรัมป์ ภรรยา เอริก และ ดอน จูเนียร์ ลูกชายของเขา
ขณะที่ นางคอมมาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ได้ปลุกพลังคน Gen Z และผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกในการชุมนุมหาเสียง ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย
ซึ่งขณะที่ แฮร์ริส พูดได้ไม่กี่นาที ก็ถูกผู้ประท้วงที่ถือธงชาติปาเลสไตน์ขัดจังหวะ หลังเหตุการณ์สงบ แฮร์ริสกล่าวว่า เธอต้องการ "ใช้โอกาสนี้เพื่อยุติสงครามและนำตัวประกันกลับบ้าน" ด้วย
ทั้งนี้ แฮร์ริส มีแผนที่จะไปเยือนทุก ๆ รัฐที่เป็นรัฐสมรภูมิ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าด้วย