ศิษย์เก่า-ผู้ปกครองคอมเมนต์ถล่มยับหลังเพจดังแฉ รร. แจกซองผ้าป่า บังคับบริจาค งัดข้อมูลโต้ รร.ช่วยลดภาระค่าเทอมจาก 1.2 พัน เหลือ 500 บาท ในวันประชุม ผอ.ชี้แจงชัดเจนมาก ซองผ้าป่าไม่ใช่บังคับ รถตู้รร. ใช้งานมานาน 16 ปี ใช้พาเด็กไปแข่งขันหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ขอรับบริจาคเพราะเงินรัฐไม่พอ
วันนี้ (31 ต.ค.67) ความเคลื่อนไหวหลังเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน โพสต์แฉกรณีโรงเรียนแห่งหนึ่งบังคับบริจาคเงินซื้อรถตู้ รร. เรียกเก็บค่าเทอมเด็กคนละ 500 บาท และบังคับให้เขียนใบบริจาคเงินขั้นต่ำคนละ 400 บาท ผอ. บอกผู้ปกครองจะเอาเงินนี้ไปซื้อรถตู้โรงเรียน แถมแจกซองผ้าป่าให้เด็กคนละ 5 ซอง บังคับทำบุญอีก จนตอนนี้ผู้ปกครองบ่นกันไม่มีเงินแล้ว
ปรากฎว่า คอมเมนต์ใต้โพสต์ดังกล่าว ทั้งนักเรียน ศิษย์เก่า ผู้ปกครอง และครู ที่เข้าร่วมประชุมผู้ปกครองโรงเรียน ขอให้แอดเพจตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน เนื่องจากในการประชุมผู้ปกครองวันนั้น ผอ.ชี้แจงชัดเจนมาก ไม่ใช่การบังคับและยังช่วยลดค่าเทอมด้วย และเรื่องซองผ้าป่า ผู้ปกครองและศิษย์เก่าบางคน รับมามากกว่า 5 ซอง เพราะอยากช่วยพัฒนาโรงเรียน อย่างไรก็ตาม จะขอเป็นแฟนเพจติดตามเรื่องราวดี ๆ จากเพจนี้ต่อไป
1.ซองผ้าป่าแจก 5 ซอง ผู้ปกครองใส่แค่ 1 ซอง ส่วนที่เหลือเผื่อข้างบ้านอยากทำบุญร่วมค่อยใส่ อันนี้ ผอ.พูดเอง
2.บริจาคเงินซื้อรถตู้ 400 บาท ค่าเทอม 500 บาท เพราะ รร.มีนโยบายลดภาระผู้ปกครอง จากที่ต้องจ่าย 1,200 บาท และรถตู้กับรถหกล้อ มีจำนวนไม่เพียงพอต่อการเดินทางไปทำกิจกรรมแต่ละครั้ง กิจกรรมบางอย่างก็งบฯ ไม่พอ ต้องหารค่ารถกันเอง ถ้ามีรถตู้เพิ่มก็จะลดภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้
กรณีไม่มีเงิน ใครจะใจดำบังคับให้ใส่ เพราะขนาดค่าเทอม รร. ยังหาทางลดภาระให้ แต่หากผู้ปกครองอยากร่วมบริจาค รร.ยินดีและขอบพระคุณที่เห็นถึงวัตถุประสงค์ในการพัฒนา รร.ร่วมกัน เพื่อลูกหลานของท่านเอง
นอกจากนี้ ยังมีคอมเมนต์ ชี้แจงกรณีเงินบริจาค ว่า ทางโรงเรียนขอความร่วมมือบริจาคเพื่อ
1. บูรณะหอประชุม ที่ตอนนี้พัดลมแตกหัก พังหมดแล้ว
2. ขยายระบบไฟฟ้า เพื่อให้เพียงพอกับการใช้ เพราะไฟตกทุกวัน ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียบ่อย เช่น จอโปรเจคเตอร์ คอมพิวเตอร์
3. รถโรงเรียนที่เป็นประเด็น คันเก่าใช้มา 16 ปี จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ และคำว่า “รถโรงเรียน” ก็คือรถโรงเรียน ไม่ใช่รถประจำตำแหน่งใครทั้งนั้น ถ้าจะใช้รถต้องทำเอกสารขออนุญาต และต้องใช้เพื่อไปทำราชการ หรือกิจกรรม รร. เท่านั้น เช่น การนำเด็กไปแข่งขันหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ขอรับบริจาคเพราะเงินรัฐไม่พอ และนำไปพัฒนาด้านอื่น ๆ ทั้งห้องน้ำ โรงอาหาร
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่โต้เถียงกันในโลกออนไลน์นี้ ต้องรอให้ทางโรงเรียนออกมาชี้แจงอย่างเป็นทางการ