แกะรอยจากกล้องวงจรปิด จับแล้วโจรขโมยตู้เซฟ 7 ล้าน สารภาพเข้าไปลักทรัพย์มาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งที่ 3 พุ่งเป้าไปที่ตู้เซฟ เอาทองคำแท่งไปขายโอนเงินให้กิ๊ก ส่วนสร้อยคอทองคำเอาไปเปลี่ยนลายมอบให้เมีย เช่ารถพาลูกเมียเที่ยวฉ่ำ ทรัพย์สินอีกมากฝังไว้โคนต้นไม้
ความคืบหน้า คดีคนร้ายฉวยโอกาสเจ้าของบ้านไม่อยู่ ย่องเข้าไปยกตู้เซฟที่มีทรัพย์สิน กว่า 7 ล้านบาท หนีลอยนวล เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 ต.ค.67 ภายในบ้านพัก ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย
ล่าสุด วันนี้ (1 พ.ย.67) ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.หนองคาย จับกุมคนร้ายพร้อมนำไปตรวจค้นจุดทิ้งตู้เซฟ และตรวจยึดทรัพย์สินที่ถูกขโมยมา โดยตู้เซฟถูกนำไปโยนทิ้งในสระน้ำ เมื่องมขึ้นมา พบว่าตู้เซฟถูกเจาะทางด้านหลัง นายพิธาร ผู้ต้องหายอมรับว่า ใช้มีดตอกที่สลักและเจาะเอาทรัพย์สินที่อยู่ภายใน โดยทรัพย์สินส่วนหนึ่งฝังไว้โคนต้นไม้ นำติดตัวไปเฉพาะทองแท่งน้ำหนัก 5 บาท จำนวน 3 แท่ง นำไปขายในร้านทองในอำเภอโพนพิสัย จ.หนองคาย จำนวน 2 แท่ง และนำไปขายที่ร้านทองในกรุงเทพฯ อีก 1 แท่ง ได้เงินมา 6 แสนบาท และมีสร้อยทองคำน้ำหนัก 2 บาท อีก 1 เส้น นำไปเปลี่ยนลายเป็นเส้นใหม่ มอบให้ภรรยา
พล.ต.ต.พิรัชย์ อุดมพิสุทธิคุณ ผบก.ภ.จว.หนองคาย ได้ร่วมตรวจสอบการนำค้นของกลางและติดตามทรัพย์สินคืนให้ผู้เสียหาย มูลค่าหลายล้านบาท โดยเฉพาะสร้อยคอทองคำมังกร และมีพลอยติดที่ตรามังกรหนัก 30 บาท ทองคำแท่ง ๆ ละ 1 บาทจำนวน 18 แท่ง ต่างหูเพชร แหวนเพชร และพระเหลี่ยมทอง เป็นต้น
พล.ต.ต.พิรัชย์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาได้รับว่าได้เข้าไปขโมยทรัพย์สินที่บ้านผู้เสียหายมาแล้ว 3 ครั้ง ส่วนทรัพย์สินอะไรที่หายไปบ้าง ต้องสอบผู้เสียหายอีกครั้ง เพราะผู้เสียหายยังสับสนอยู่ ส่วนสาเหตุที่เข้าไปขโมยทรัพย์สินนั้นเกิดจากความโลภ โดยผู้ต้องหาสังเกตว่าบ้านที่เข้าไปก่อเหตุมีรถยนต์หรูหลายคัน ครั้งแรก ๆ ที่เข้าไปลักทรัพย์ขโมยเฉพาะกระเป๋าแบรนด์เนม ครั้งที่ 2 ก็เพิ่มจำนวนทรัพย์สินที่ขโมยมากขึ้น จนกระทั่งครั้งที่ 3 ยกไปทั้งตู้เซฟ ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิด ผู้ต้องหาไปมุ่งไปที่ตู้เซฟอย่างเดียว ไม่มีการแตะต้องทรัพย์สินอย่างอื่นเลย ตอนแรกเจ้าหน้าที่ตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นฝีมือคนในบ้าน หรือคนที่รู้จัก แต่ผิดคาด
ผู้ต้องหาให้การว่า หลังจากลากตู้เซฟออกจากห้องนอนแล้ว ได้ยกใส่รถลากที่เตรียมมา จากนั้นก็ลากเดินออกมาตามถนนในหมู่บ้าน ตามที่กล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้ เมื่อมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านก็ได้นำตู้เซฟไปซ่อนไว้ที่โคนต้นไม้ ก่อนจะเดินกลับไปเอาจักรยานยนต์ที่บ้านมาพ่วงรถลากตู้เซฟไป และหาวิธีการเจาะเอาทรัพย์สินที่อยู่ภายในตู้เซฟ เมื่อเปิดตู้เซฟออก ได้แยกทรัพย์ออกเป็น 2 ส่วน คือ เงินสด ทองคำแท่งละ 5 บาท จำนวน 3 แท่ง สร้อยคอ 2 บาท 1 เส้น และกระเป๋าแบรนด์เนม 2 กระเป๋า ได้นำติดตัวไป ส่วนทรัพย์สินที่เหลือได้ฝังไว้โคนต้นไม้
สำหรับเงินที่ได้จากการขายทอง ได้โอนให้กิ๊กชาวลาว ที่รู้จักกันทางโซเชียล และเคยไปหาที่กรุงเทพฯ 2 ครั้ง โดยโอนเงินไปให้กิ๊กชาวลาว 5.5 แสนบาท จากนั้นก็โดนบล็อกติดต่อไม่ได้ มาทราบข่าวกิ๊กไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ จึงได้นั่งเครื่องบินไปตามหาที่ประเทศจีน นอนพักอยู่ 1 คืน ทำใจและหมดปัญญาที่จะตามหากิ๊ก จึงได้กลับประเทศไทยและกลับมาอยู่บ้าน ก่อนจะถูกจับ ได้เช่ารถพาภรรยาและลูกไปเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ และไปเที่ยวต่อที่ อ.เชียงคาน จ.เลย จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวไว้ได้
สำหรับการจับกุมตัวผู้ต้องหาครั้งนี้ ตำรวจแกะรอยจากกล้องวงจรปิด โดยข้อมูลชัดเจนขึ้นเมื่อผู้ต้องสงสัยนำทองไปขาย เจ้าหน้าที่จึงได้ออกติดตามและขอหมายจับ