สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ดังนี้

View icon 155
วันที่ 4 พ.ย. 2567 | 20.04 น.
ข่าวในพระราชสำนัก
แชร์
เวลา 11.00 น. วันนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดพระบรมธาตุสวี อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินสภากาชาดไทย ประจำปี 2567 ซึ่งสภากาชาดไทย จัดเป็นประจำทุกปี เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานของสภากาชาดไทย และเหล่ากาชาดจังหวัดทุกจังหวัด รวมทั้งประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ได้มีโอกาสทำบุญร่วมกัน

สำหรับวัดพระบรมธาตุสวี สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย เดิมชื่อว่า "วัดสวี" สร้างเมื่อปี 2325 สร้างขึ้นหลังการสร้างพระบรมธาตุสวีหลายร้อยปี โดยอาศัยศรัทธาของชาวบ้านก่อสร้างเสนาสนะและอุโบสถ เพื่อใช้ประกอบสังฆกรรม และเป็นสถานที่จำพรรษาของพระภิกษุ เพื่อให้พระสงฆ์ช่วยดูแลพระบรมธาตุสวี

อุโบสถหลังเดิมเป็นอาคารไม้ หลังคามุงด้วยวัสดุธรรมชาติ ปี 2538 พระครูวิภัทรบุญญากร อดีตเจ้าอาวาส พร้อมพุทธศาสนิกชน ได้สร้างอุโบสถขึ้นใหม่ทดแทนหลังเดิมที่ทรุดโทรม เป็นอาคารไทยประยุกต์ เปิดโล่งไม่มีประตู หน้าต่าง ตรงกลางอุโบสถ ประดิษฐานพระประธานประจำอุโบสถ ปางพิจารณาชราธรรม นามว่า "พระพุทธสวีศรีธรรมโศก" ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ 2373 เป็นวัดสำคัญของจังหวัดชุมพร และเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมธาตุสวี นอกจากนี้ ยังมีศาลพระเสื้อเมือง และพิพิธภัณฑ์วัดพระบรมธาตุสวี ที่รวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ภายในวัด เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา และนักท่องเที่ยวเข้าไปศึกษาเรียนรู้ ปัจจุบันมี พระครูจันทปัญโญภาส เป็นเจ้าอาวาส มีพระสงฆ์จำพรรษา 6 รูป และสามเณร 1 รูป

โอกาสนี้ พระราชทานพระราชวโรกาสให้ เหรัญญิกสภากาชาดไทย เฝ้าทูลละอองพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายหนังสือที่ระลึก เลขาธิการสภากาชาดไทย กราบบังคมทูลรายงานและเบิกผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศลในการถวายผ้าพระกฐินเข้ารับพระราชทานของที่ระลึก และพระราชทานพระราชวโรกาสให้ เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุสวีถวายของที่ระลึก ในปีนี้ มียอดเงินบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศล 6,668,029.99 บาท โดยจะนำไปใช้ในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดต่อไป

จากนั้น ทรงวางพวงมาลัยถวายสักการะพระบรมธาตุสวี ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานในจังหวัดชุมพร มีลักษณะรูปแบบพระธาตุเช่นเดียวกับพระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้รับการบูรณะมาหลายครั้ง ครั้งล่าสุดดำเนินการโดยกรมศิลปากร เมื่อปี 2539 เป็นเจดีย์ทรงระฆัง ตั้งบนฐานสี่เหลี่ยม 2 ชั้น ฐานชั้นล่าง ประดับด้วยรูปหัวช้างหมอบเสมือนค้ำพระเจดีย์ไว้ โดยอยู่ในซุ้มสลับกับรูปยักษ์ถือกระบอง ประดับด้วยเสาหล่อ 6 ต้น มุมทั้ง 4 ของฐาน มีเจดีย์องค์เล็กจำลองแบบจากเจดีย์องค์ใหญ่ รอบพระธาตุสร้างเป็นระเบียงคตล้อมรอบไว้ 4 ทิศ ประดิษฐานพระพุทธรูปที่ผู้ศรัทธานำมาถวายเรียงตลอดแนวระเบียงทั้ง 4 ทิศ โอกาสนี้ ทอดพระเนตรการรำบูชาองค์พระบรมธาตุ ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของชาวจังหวัดชุมพร และชาวใต้ ทุกปีจะมีงานประเพณีแห่ผ้าขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุสวี เพื่อความเป็นสิริมงคล ความร่มเย็นเป็นสุข และเจริญก้าวหน้าในชีวิต

เวลา 17.40 น. เสด็จพระราชดำเนินไปยังเมรุวัดธาตุทอง ในการพระราชทานเพลิงศพ ท่านผู้หญิงวรรณพิมล สรเทศน์ ซึ่งถึงแก่อนิจกรรมเนื่องจากภาวะหัวใจขาดเลือด เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2567 สิริอายุ 103 ปี

ท่านผู้หญิง วรรณพิมล สรเทศน์ สกุลเดิม เกษมศรี เกิดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2464 เป็นธิดาของหม่อมเจ้าสมภพ เกษมศรี กับหม่อมเยื้อน ลักษณะประนัย สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย ด้านชีวิตครอบครัว ท่านผู้หญิง วรรณพิมล สมรสกับ ศาสตราจารย์  อรุณ สรเทศน์ อดีตอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในสมัยรัฐบาล ศาสตราจารย์ สัญญา ธรรมศักดิ์ มีบุตร-ธิดา 2 คน ด้านอาชีพ ท่านผู้หญิง วรรณพิมล ทำงานที่บริษัทเดินอากาศไทย และ Bird & Co. Stock Exchange หลังเกษียณจากงานประจำ ได้ทำงานถวายที่มูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยปฏิบัติหน้าที่อาสาสมัครด้วยความจงรักภักดี มีจิตเมตตา และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับอนุชนรุ่นหลังจวบจบวาระสุดท้าย

ข่าวอื่นในหมวด