จ่อปลดล็อกเลี้ยง “เหี้ย” และ “นกแอ่นกินรัง” เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ

จ่อปลดล็อกเลี้ยง “เหี้ย” และ “นกแอ่นกินรัง” เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ

View icon 93
วันที่ 5 พ.ย. 2567 | 10.38 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
เตรียมปลดล็อก “เหี้ย” และ “นกแอ่นกินรัง” สามารถเลี้ยงเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และสามารถผลักดันให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจได้ในอนาคต

วันนี้ (5 พ.ย. 67) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประชุมคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช คือ การพิจารณาร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2 ฉบับสำคัญ ได้แก่ การกำหนดให้ตัวเงินตัวทอง เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ และการกำหนดชนิดสัตว์ป่าคุ้มครองที่อนุญาตให้เก็บ ทำอันตราย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งรังนกแอ่นได้

โดย “ตัวเงินตัวทอง” หรือ “เหี้ย” จากเดิมที่มีสัตว์ป่าคุ้มครองที่เพาะพันธุ์ได้ 62 ชนิด จะเพิ่มเป็น 63 ชนิด โดยการเพิ่มตัวเงินตัวทอง (Varanus salvator) เข้าไปในรายการ เนื่องจากพบว่าในปัจจุบันมีการเลี้ยงเพื่อเป็นสัตว์สวยงาม และถือเป็นสัตว์ที่มีศักยภาพในการใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งหนังของเหี้ยมีลายละเอียด นุ่ม เหนียว ทนทาน มีการใช้ประโยชน์ในผลิตภัณฑ์เครื่องหนังอย่างกว้างขวาง ซึ่งเมื่อประกาศแล้วผู้ที่มีความสนใจในการประกอบกิจการเพาะพันธุ์สามารถขออนุญาตในการเพาะพันธุ์เหี้ย ทำผลิตภัณฑ์จากหนังเหี้ย และสามารถนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่า สามารถผลักดันให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจได้ในอนาคต นอกจากนี้ทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้มีโครงการศึกษาวิจัยการเลี้ยงและใช้ประโยชน์จากตัวเงินตัวทองเตรียมพร้อมไว้ระดับหนึ่งแล้ว

ส่วนของ “นกแอ่น” ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีการกำหนดชนิดสัตว์ป่าคุ้มครอง 2 ชนิด ได้แก่ นกแอ่นกินรัง (Aerodramus fuciphagus หรือ Aerodramus germani) และนกแอ่นหางสี่เหลียม หรือ นกแอ่นรังดำ (Aerodramus maximus) ที่อนุญาตให้เก็บ ทำอันตราย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งรังได้ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในการใช้ประโยชน์จากรังนกแอ่นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และสามารถนำไปสู่การกำหนดหลักเกณฑ์ในกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายด้านอาคาร กฎหมายด้านสาธารณสุข เป็นต้น

ทั้งนี้ ร่างประกาศทั้งสองฉบับได้ผ่านขั้นตอนการพิจารณาตามกฎหมายของกรมอุทยานฯ และคณะอนุกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าเรียบร้อยแล้ว โดยการออกประกาศทั้งสองฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาสมดุลของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง