ส่งฝากขังชายคลั่ง ทุบหัวครูเกษียณ

View icon 47
วันที่ 6 พ.ย. 2567 | 11.24 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง
แชร์
ห้องข่าวภาคเที่ยง - ตามกันต่อกับ กรณีลูกศิษย์ใจคอเหี้ยมโหด เมาอาละวาด ทุบทำร้ายร่างกายครูที่สอนสมัยประถม จนสลบ เพราะไม่พอใจที่ถูกทวงเงิน ล่าสุด ตำรวจพัทลุงคุมตัวส่งฝากขัง

ส่งฝากขังชายคลั่ง ทุบหัวครูเกษียณ
หลังเกิดเหตุ ชายคนนี้ ยังมีอาการเอะอะโวยวาย คลุ้มคลั่ง สงบสติอารมณ์ไม่ได้ หนีเข้าไปหลบอยู่ในกุฏิพระ ที่วัดท่าแค อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง เปิดหน้าต่างออกมา ด่า ท้าต่อยกับชาวบ้าน

ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง ได้นำกำลังบุกเข้าไปรวบตัวผู้ก่อเหตุ พอเห็นเจ้าหน้าที่ ชายคลั่งก็ยอมเปิดประตูกุฏิ ออกมามอบตัวกับตำรวจโดยดี

สารภาพว่า โมโห ครูสุมณฑา ครูเกษียณ ที่ไปทวงเงิน 100 บาท เลยใช้เศษโถอ่างล้างหน้าทุบศีรษะ ก่อนจะชกและเตะ นางสุมณฑา จนหมดสติ ศีรษะแตก เลือดอาบ เมื่อเริ่มมีพระในวัด และชาวบ้านมาเห็น พร้อมทั้งปิดล้อมทางเข้าออกวัดไว้ เลยหลบเข้าไปอยู่ในกุฏิ

ก่อนหน้านี้อาศัยอยู่กับครอบครัว และมีพฤติกรรมเสพยาบ้าจนหลอน ทำลายข้าวของ ทำร้ายร่างกายคนในบ้านจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังวางเพลิงเผาบ้านตัวเอง จนถูกจับกุมคุมขัง ในเรือนจำนานเกือบ 2 ปี พอพ้นโทษมาประมาณ 8 เดือน ญาติไม่ให้กลับเข้าไปอยู่ที่บ้าน กลัวว่าจะเกิดเหตุซ้ำรอย

ล่าสุด ตำรวจแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย และเสพสารเสพติด คุมตัวส่งฝากขัง ก่อนเที่ยงวันนี้

ส่งตัวลูกชายติดยา บำบัดรักษาต่อ
พิษภัยของยาเสพติดรุนแรง อาการคลุ้มคลั่งสร้างความหวาดกลัวให้กับ คนในครอบครัวและชาวบ้าน

เคสที่แม่ ถึงขั้นต้องสร้างกรงขังในบ้าน เพื่อลูกติดยาออกมาทำร้ายร่างกาย ล่าสุด แพทย์โรงพยาบาลนางรอง ไม่ปล่อยตัวลูกชายของแม่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ให้อยู่ในกระบวนการบำบัดรักษาฟื้นฟูยาเสพติดต่อไป

แม้ว่า แพทย์ได้ให้ยาระงับอาการคลุ้มคลั่ง หูแว่ว เห็นภาพหลอนไปแล้ว จะส่งต่อไปบำบัดรักษาต่อเนื่อง ที่โรงพยาบาลจิตเวช ในจังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้กลับมาเป็นปกติมากที่สุด ก่อนให้กลับบ้าน ซึ่งก็จะต้องถามคนในชุมชนด้วยว่า หลังการบำบัดแล้ว จะยินยอมให้กลับไปอยู่ในบ้าน ในชุมชนได้เมื่อไหร่

ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส.ภาค 3 เตรียมลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้น และหาข้อมูลเบาะแสในเชิงลึก เกี่ยวกับปัญหายาเสพติดในพื้นที่ เพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาดำเนินการกวาดล้างปราบปรามตามกระบวนการขั้นตอนต่อไป

พลตำรวจโท ภานุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยกรณีที่แม่สร้างกรงขังลูกชายที่มีอาการติดยา หลังเข้ารับการบำบัดมาแล้วกว่า 10 ครั้ง ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ว่า ผู้ป่วยที่มีอาการจิตเวชและเสพยาเสพติดจะไปกระตุ้นอาการให้กำเริบ และเมื่อผู้ป่วยกลับมาที่บ้าน มาเจอสภาพแวดล้อมเดิม ๆ จึงกลับมาเสพยาเสพติดซ้ำ จนสมองเริ่มมีอาการเพี้ยนและคลุ้มคลั่ง กรณีนี้ แพทย์ลงความเห็นว่าผู้ป่วยคนนี้ต้องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช จังหวัดนครราชสีมา อย่างน้อย 1 ปี จึงจะออกมาได้

ส่วนแนวทางบรรเทาปัญหา พลตำรวจโท ภานุรัตน์ บอกว่า ด้านสาธารณสุข แบ่งผู้ติดยาเสพติดเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มสีเขียว (ติดยาแต่สามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้) สีเหลือง (ติดยาเสพติดและเริ่มออกอาการ) สีส้มกับสีแดง (เริ่มมีอาการนอนไม่หลับหวาดระแวงไม่สามารถอยู่ในสังคมได้)

ถ้าเป็นผู้ใช้ยาเสพติด อย่างไม่มีอาการจะให้ชุมชนช่วยกันบำบัด มีนักจิตวิทยาเข้าไปดูแล แต่กลุ่ม สีส้ม สีแดงต้องส่งเข้าไปอยู่ในกระบวนการบำบัด ซึ่งการแก้ไขปัญหายาเสพติดต้องดำเนินการไปด้วยกันอย่างรอบด้าน

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดยาเสพติดใน จังหวัดบุรีรัมย์ ติดอันดับ 3 และ 4 ของประเทศไทย อันดับ 1. คือจังหวัดนครราชสีมา 2.อุบลราชธานี และ 3.ชัยภูมิ โดยสลับชิงอันดับ 3 กับจังหวัดศรีสะเกษ โดยในจังหวัดถูกใช้เป็นทางผ่านยาเสพติด และมียาเสพติดลำเลียงเข้ามาในพื้นที่อีสานตอนเหนือ ทั้งนี้ปีที่ผ่านมา ป.ป.ส.ภาค 3 ทลายขบวนการค้ายาเสพติดไปแล้ว 2 เครือข่าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง