เช้านี้ที่หมอชิต - มุมมองเศรษฐกิจ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มองการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ครั้งนี้มีนัยยะต่อเศรษฐกิจไทย ถือเป็นความเสี่ยงต่อสินค้าไทย ที่จะเกินดุลกับ สหรัฐฯ คาดจะกระทบการส่งออกไทย ผ่านมาตรการขึ้นภาษีนำเข้า และการกีดกันทางการค้ารอบใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่ม สินค้าฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์, เซมิคอนดักเตอร์ และยางล้อ
หวั่นสินค้าจีนทะลักเข้าไทย
ส่วนกลุ่มสินค้าที่เกินดุลการค้าปานกลาง เช่น โซลาร์เซลล์ เครื่องปรับอากาศ โดยภาครัฐและผู้ประกอบการ ต้องเตรียมหาแนวทางร่วมกันรับมือกับนโยบายที่อาจเปลี่ยนแปลง หากสหรัฐฯ กีดกันการค้ากับ จีน สินค้าจีนจะทะลักเข้าประเทศในแถบอาเซียน โดยเฉพาะไทย
ด้าน นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด กล่าวว่า จากสไตล์การทำงานของ "ทรัมป์" จะเห็นมีหลายประเด็นเป็นแนวคิดแบบนอกกรอบ ซึ่งอาจส่งผลดีต่อความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ที่เป็นอยู่ ส่วนระยะปานกลาง หรือประมาณ 2 ปี
จะทำให้การค้าโลกเติบโตเพิ่มขึ้น และอาจจะเห็นกระแสเงินลงทุนไหลจากต่างประเทศเข้ามาในไทย ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นสัญญาณจากจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยเป็นระยะ ๆ
เมื่อวานทองคำปรับถี่ 33 ครั้ง
ส่วนตลาดทองคำวานนี้ หวือหวาปรับราคาถี่มากถึง 33 ครั้ง โดย นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่าลักษณะเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อ 4 ปีที่แล้ว 2563 ในการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ โดยครั้งนั้นราคาเปลี่ยนแปลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 42 ครั้ง หลังจากนี้ต้องจับตา การประกาศนโยบายการเงิน ของสหรัฐฯ และ อัตราดอกเบี้ย และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อาจส่งผลต่อราคาทองคำ คาดว่าอาจทำราคาสูงขึ้นได้อีก