เลขาธิการ สพฉ. สั่งสอบข่าวรถสายไหมต้องรอด ปิดล้อมแย่งคนเจ็บจากกู้ชีพหงส์แดง เผยกู้ชีพหงส์แดง ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยปฏิบัติการแพทย์ระดับพื้นฐาน เริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ 3 พ.ค. 67
วันนี้ (8 พ.ย. 67) ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) สั่งสอบข้อเท็จจริง กรณีมีรายงานว่ารถสายไหมต้องรอด ปิดล้อมแย่งคนเจ็บจากทีมกู้ชีพ จาก สพฉ. 1669 ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นวานนี้ (7 พ.ย.67) สายด่วนศูนย์เอราวัณ กทม. 1669 ได้รับแจ้งอุบัติเหตุบริเวณซอยเทพรักษ์ 58 เขตสายไหม กรุงเทพฯ จึงได้ประสานและจัดส่งรถกู้ชีพ "หน่วยกู้ชีพหงส์แดง" ไปดำเนินการรับและนำส่งผู้บาดเจ็บ แต่ขณะที่กำลังนำส่งผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาล มีรถที่มีสติกเกอร์และโลโกของ "สายไหมต้องรอด" มาทำการปิดล้อมรถกู้ชีพ สพฉ. พร้อมกับแย่งผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งอยู่บนรถพยาบาลลงไปจากรถเพื่อจะนำส่งโรงพยาบาลเอง
นาวาเอก (พิเศษ) นพ.พิสิทธิ์ เจริญยิ่ง รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ในฐานะโฆษก สพฉ. กล่าวว่า สพฉ. ได้รับรายงานข้อมูลในเบื้องต้น และ ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการ สพฉ. ได้สั่งการให้สำนักบริหารจัดการระบบการแพทย์ฉุกเฉินพื้นที่ 3 ร่วมกับกลุ่มกฎหมายการแพทย์ฉุกเฉินของ สพฉ. ประสานกับศูนย์เอราวัณ และกู้ชีพหงส์แดง เข้าให้ข้อเท็จจริงตามกำหนดเวลาแล้ว
หากพบเหตุการณ์ที่อาจทำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินเกิดความไม่ปลอดภัยตามข่าว สพฉ.จะต้องมีกระบวนการติดตามเพื่อสอบข้อเท็จจริงร่วมกันต่อไป เพื่อคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉิน ทั้งนี้ กู้ชีพหงส์แดง ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยปฏิบัติการแพทย์ระดับพื้นฐานตามประกาศ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ และกำกับดูแลหน่วยปฏิบัติการการแพทย์ พ.ศ.2564 และเริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ 3 พ.ค. 67 แล้ว
ก่อนหน้านี้ นายนิรันดร์ เกแง้ว ผู้ร่วมก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ยืนยันว่า รถกู้ชีพของสายไหมต้องรอด ไม่ได้ไปปิดล้อมแย่งเคสผู้บาดเจ็บ กับรถกู้ชีพของ สพฉ. 1669 ตามภาพที่สื่อนำเสนอออกไป เป็นรูปเก่านานมาแล้ว ตอนที่รถกู้ชีพสายไหมต้องรอด ไปจอดคอยอำนวยความสะดวก ให้ประชาชนชนที่ตลาดแห่งหนึ่ง ส่วนอีกรูป เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง คืนวานนี้ (7 พ.ย.67) รถกู้ชีพคันดังกล่าว เป็นของอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน เขตสายไหม ที่ได้รับแจ้งเหตุมาเหมือนกัน และรุกเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ พร้อมกัน ยืนยันเพจสายไหมต้องรอด ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ สพฉ. และไม่ได้ไปแย่งเคสผู้บาดเจ็บตามที่สื่อนำเสนอไป