เหลือเชื่อ ไฟไหม้บ้านไม้สักใกล้ตลาดสด ฉีดน้ำ 1 ชม.ดับเพลิงได้สำเร็จ ลูกสาวเจ้าของบ้านเข้าตรวจสอบ เจอเงินสด 1 ล้านอยู่ที่หัวเตียง ไม่ถูกเผา
วันนี้ (10 พ.ย.67) นายปริญญา สายโรจน์ นายอำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่บ้านไม้สักสองชั้นหลังใหญ่ ซึ่งเปิดเป็นร้านขายปลาสดและอาหารสด ตั้งอยู่ย่านใจกลางตลาดสดเทศบาลตำบลแม่ระมาด ตรงข้ามที่ว่าการอำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก โดยหลังรับแจ้งเหตุได้ประสานเจ้าหน้าที่พร้อมรถดับเพลิง 6 คันรีบเข้าสกัดเหตุเพลิงไหม้
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเป็นย่านการค้าสำคัญและเปิดเป็นตลาดสดมานานหลายสิบปี โดยริมถนนติดกับโซนอาหารยามเช้าพบเพลิงกำลังลุกไหม้บริเวณชั้นสองของบ้านไม้สักสองชั้นหลังใหญ่ โดยเพลิงลุกลามไปทั่วทุกห้องของบ้านอย่างรวดเร็ว กลุ่มควันไฟสีดำลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าสามารถมองเห็นได้ทั่วพื้นที่อำเภอแม่ระมาด ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากต่างก็รีบช่วยกันขนย้ายสิ่งของออกจากตลาดสด เนื่องจากเกรงว่าเพลิงจะลามไปไหม้บ้านข้างเคียง เจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงต้องระดมฉีดน้ำจากทุกด้านรอบตลาดสดโดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ท่ามกลางความโล่งใจของกลุ่มไทยมุงและพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสด ซึ่งหลังเพลิงสงบพบว่าบ้านต้นเพลิงถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงปิดกั้นพื้นที่เกิดเหตุไว้รอการตรวจสอบ
จากการสอบถาม เจ้าของบ้าน อายุ 74 ปี เล่าว่า บ้านของตนสร้างคู่ตลาดสดมานานมากกว่า 30 ปี ซึ่งชั้นล่างเปิดจำหน่ายปลาและอาหารสด ขณะเกิดเหตุตนเองอยู่ด้านล่างของตัวบ้าน ได้ยินเสียงดังคล้ายไฟลัดวงจรเกิดขึ้นบริเวณใกล้กับห้องพระชั้นสอง จากนั้นไม่กี่นาทีก็มีกลุ่มควันไฟและแสงเพลิงจำนวนมากลามไหม้บ้านทั้งหลังอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นไม้เก่าแก่ตนจึงต้องรีบหนีเอาชีวิตรอดท่ามกลางความชุลมุนไปทั่วตลาดสด
ขณะที่ บุตรสาวเจ้าของบ้าน อายุ 47 ปี ซึ่งทราบข่าวเพลิงไหม้บ้านมารดาก็เข้าไปสำรวจทรัพย์สินของมีค่า พบว่าชั้นสองถูกเพลิงไหม้เสียหายอย่างหนัก แต่ในความโชคร้ายยังมีโชคดีที่เงินสดจำนวน 1 ล้านบาท ซึ่งเก็บไว้ที่หัวเตียงในห้องนอน ไม่ถูกไฟไหม้ เพียงแค่เปียกน้ำจากการดับเพลิง ตนจึงนำมาเก็บรักษาพร้อมทรัพย์สินอื่น ๆ ที่ยังพอหลงเหลือ
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ระมาด สันนิฐานเหตุเบื้องต้นว่า คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรหรือไม่ก็อาจจะเกิดจากสาเหตุอื่นร่วมด้วย ซึ่งต้องรอตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดตากเข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป