ห้องข่าวภาคเที่ยง - รถกระบะพุ่งชนรถกู้ภัยกลางแยกเมืองสงขลา ขณะนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล คนขับอ้างรถบรรทุกสิ่งของหนักกว่า 3 ตัน เลยเบรกไม่ทัน ขณะที่กู้ภัยเดือดร้อน หลังรถพังเสียหาย ทำให้รถไม่เพียงพอ ออกช่วยเหลือประชาชน
ภาพจากกล้องในรถกู้ชีพของมูลนิธิกู้ภัยสว่างสงขลาร่วมใจ ที่กำลังนำผู้ป่วยชายสูงอายุหมดสติคนหนึ่ง จากบ้านย่านเทศบาล 1 ในเขตเทศบาลนครสงขลา ไปส่งโรงพยาบาลเมืองสงขลา ช่วง 11.00 น. วันที่ 4 พฤศจิกายน แต่ปรากฏว่า เกิดอุบัติเหตุที่แยก ธกส.
ขณะที่กล้องวงจรปิดจาก ธกส. ถนนรามวิถีตัดถนนทะเลหลวง อำเภอเมืองสงขลา เห็นภาพชัดเจนว่า รถกู้ภัยที่เปิดไฟไซเรน ใช้ช่องทางเลนซ้าย จากถนนทะเลหลวง เพื่อเลี้ยวขวาเข้าถนนรามวิถี แต่เมื่อถึงแยก เป็นช่วงที่ไฟเขียวจากถนนรามวิถี ซึ่งรถที่ตามถนนดังกล่าว ได้หยุดเพื่อให้รถกู้ภัยผ่านไปก่อน แต่ปรากฏว่า รถกระบะคู่กรณีรถกู้ภัย ที่อยู่เลนขวา ใช้ความเร็วเหยียบส่งให้ทันไฟเขียว ก่อนพุ่งชนด้านขวาหน้ารถกู้ภัยอย่างแรง
ทีมข่าวลงพื้นที่ไปที่แยกจุดเกิดเหตุ พบว่า แยกดังกล่าวมีรถพลุกพล่าน โดยเฉพาะช่วงกลางวัน เนื่องจากเป็น 3 แยกใหญ่กลางเมืองสงขลา อีกทั้งมีสถานที่ราชการ และสถานศึกษาหลายแห่ง
ก่อนไปพบ นายนที เกื้อคลัง หรือ เบียร์ อายุ 20 ปี อาสามูลนิธิสว่างสงขลาร่วมใจ ซึ่งเป็นคนขับรถกู้ภัย เล่าว่า หลังเกิดเหตุอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับบาดเจ็บ 4 คน และญาติผู้ป่วย 1 คน คนขับรถกระบะคู่กรณีก็ลงจากรถมาขอโทษ พร้อมอ้างว่า รถกระบะบรรทุกสิ่งของหนักกว่า 3 ตัน จึงเบรกรถไม่ทัน ทำให้พุ่งชนรถกู้ภัยอย่างแรง จากนั้นก็ไปเจรจาค่าเสียหายที่ สภ.เมืองสงขลา ซึ่งประกันภัยของฝ่ายรถกระบะ ได้เจรจาและจะเสนอค่าเสียหายในการซ่อมรถ แต่จนถึงขณะนี้ ผ่านมากว่า 8 วัน ร้อยเวร สภ.เมืองสงขลา ก็ยังไม่เรียกตนไปสอบปากคำ หรือคู่กรณีก็ยังไม่ติดต่อมา ทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก รถฉุกเฉินที่จะใช้บริการช่วยเหลือประชาชนไม่เพียงพอ