แพทย์เตือน "โรคไอกรน" ระบาดในเด็กต่ำกว่า 1 ขวบและผู้สูงอายุ หากติดเชื้อมีโอกาสเสียชีวิตสูง แนะป้องกันตั้งแต่คุณแม่ตั้งครรภ์ หากมีอาการไอรุนแรงติดต่อกัน รีบพบแพทย์ทันที
15 พ.ย. 67 พญ.จิรา ศักดิ์ศศิธร รองผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จ.ขอนแก่น กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า "โรคไอกรน" ส่วนใหญ่จะเกิดกับเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ขวบ หรือในกลุ่มผู้สูงอายุ ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นโรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรัง และโรคหัวใจ โดยอาการเริ่มแรกคล้ายไข้หวัด มีอาการไอ มีน้ำมูกและมีไข้ต่ำ ๆ ซึ่งสาเหตุการเกิดโรคนั้น เกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรีย
"เชื้อตัวนี้สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน ในกรณีสัมผัสใกล้ชิดระหว่างคนอยู่บ้านเดียวกันกับคนติดเชื้อ จะมียาที่ป้องกันและยาที่รักษาเป็นยาตัวเดียวกัน ถ้าเป็นต่อกัน 1-2 สัปดาห์อาการไอจะรุนแรงขึ้น ไอเป็นชุด หายใจเข้าจะมีเสียงดังวูด สลับกัน เรียกว่าเป็นโรคไอกรน และกรณีเด็กต่ำกว่า 1 ขวบ อาจจะมีอาการรุนแรงได้ บางคนไอมากจนอาเจียน หรือไอจนตัวเขียวและเสียชีวิตได้"
พญ.จิรา กล่าวต่ออีกว่า ผู้ใหญ่หรือเด็กโตที่ติดเชื้อโรคไอกรนจะไม่ค่อยมีอาการรุนแรง อาจจะมีมีอาการคล้ายไข้หวัด ถ้าเด็กไอเยอะมีอาการมากกว่า 10 วันหรือมีอาการไอรุนแรงควรจะพบแพทย์ สำหรับวิธีการป้องกันควรป้องกันตั้งแต่แม่ตั้งครรภ์ เพราะตอนตั้งครรภ์จะมีการฝากครรภ์ตามที่แพทย์นัด จะมีการฉีดวัคซีน นอกจากวัคซีนบาดทะยักแล้ว ยังจะมีการฉีดวัคซีนไอกรน จะฉีดในช่วง 20 สัปดาห์ขึ้นไป ถ้าฉีดแล้วจะสามารถให้ภูมิคุ้มกันกับลูกที่ออกมาได้ หลังจากเด็กคลอดออกมาควรจะได้รับวัคซีนมีทั้งหมด 5 เข็ม จะฉีดตอนอายุได้ 2,4,6, เดือน และตอน 1 ขวบ 6 เดือน และตอน 4 ขวบ ซึ่งจะอยู่ในวัคซีนคอตีบไอกรนบาดทะยัก ฉีดได้ตามสถานบริการของรัฐฟรี