ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ทนายความ ได้รับมอบอำนาจจาก "บอสพอล" ให้ดำเนินคดี "เจ๊พัช" และ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" หลังปรากฏ คลิปเสียงรับเงิน 20 ล้านบาท พร้อมเผย 18 บอส ไม่อยากเจอหน้าในเรือนจำ เพราะ เชื่อว่า "เจ๊พัช" เป็นต้นเหตุทำให้ดิไอคอนแตก
บอสพอล มอบอำนาจเอาผิด "เจ๊พัช-ฟิล์ม"
ที่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล เผยว่า วันนี้ทีมทนายได้นำหนังสือมอบอำนาจเข้าไปให้กับบอสพอลเซ็น เพื่อมอบอำนาจในการดำเนินคดี กับ นางสาวกฤษอนงค์ หรือ เจ๊พัช และ ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หลังปรากฏคลิปเสียงรับเงิน 20 ล้านบาท จาก บอสพอล และ บอสปัน ถึงแม้ว่าความผิดจะยังไม่สำเร็จ
ทนายวิฑูรย์ บอกว่า เรื่องดังกล่าวต้องไปหารือกับพนักงานสอบสวนว่า จะเข้าข่ายความผิดฐาน พยายามกรรโชกทรัพย์ หรือ พยายามฉ้อโกง แต่ส่วนตัวมองว่าเข้าข้อหา พยายามฉ้อโกง มากกว่า กรรโชกทรัพย์ เพราะมีเนื้อหาที่มีการพยายามข่มขู่จ่ายเงิน
ส่วนกรณีที่ เจ๊พัช ที่ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำแล้วนั้น ทนายวิฑูรย์ บอกว่า 18 บอส ทราบข่าวแล้ว ก็ไม่มีท่าทีอะไร แต่เชื่อว่า ทางกรมราชทัณฑ์จะดำเนินการแยกไปอยู่คนละแดนกับบอสต่าง ๆ แต่เวลาทำกิจกรรมร่วมกัน ก็จะต้องเจอกันบ้าง
"18 บอสดิไอคอนฯ" เริ่มปรับตัวได้ดี
ทนายวิฑูรย์ ยังบอกอีกว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ตนเองได้เดินทางไปยื่นประกันตัว บอสวิน โดยแนบเอกสารใบรับรองแพทย์เกี่ยวกับอาการป่วย โรคมะเร็งระยะที่ 3 แต่ศาลยกคำร้อง เพราะกลัวจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ซึ่งหลังจากนี้ จะไม่มีการยื่นประกันตัวใครแล้ว จะไปขอยื่นอีกครั้งในช่วงเวลาการฝากขัง ผัดที่ 6 หรือ 7 ส่วนเหล่าบอส 17 คน หลังทราบว่า บอสวิน ไม่ได้รับการประกันตัวก็ไม่มีท่าทีขวัญเสีย เพราะเริ่มปรับตัวได้แล้ว
ส่วนวันนี้จะมีการพูดคุยรายละเอียดกับ บอสพอล และบอสชาย 11 คน ในเรื่องของที่ดีเอสไอจะมาสอบปากคำเพิ่มเติมวันพรุ่งนี้ (20 พ.ย.)
เปรยปมคลิปเสียง "ฟิล์ม" มีมูล
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถึงเรื่องคลิปเสียงเรียกเงิน 20 ล้านบาท ว่า ถ้า ทนายวิฑูรย์ เข้าแจ้งความแล้ว จะดำเนินการทันทีเลยหรือไม่
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า เบื้องต้นได้ประชุมคณะทำงานไปแล้ว พบว่า คดีที่เหลือของ เจ๊พัช มีทั้งหมด 3 คดี เรื่องแรก คือ ปมคลิปเสียงเงิน 20 ล้านบาท, เรื่องที่ 2 คือ คดีหมิ่นประมาท ที่มีคลิปเสียงพาดพิงถึง นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเรื่องคลิปเสียงหมิ่นประมาท หนุ่ม กรรชัย
ส่วนกรณีที่ ฟิล์ม รัฐภูมิ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องคลิปเสียงตบทรัพย์ 20 ล้านนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า อยู่ที่ข้อกฎหมายและพยานหลักฐาน ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเป็นคลิปเสียงของเจ้าตัวจริงหรือไม่ แต่จากพยานหลักฐานที่รวบรวมมาก็เชื่อว่า มีมูล และจากการพิจารณาเนื้อหาคลิปเสียงแล้ว อาจเข้าข่ายข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์
เรียก "เอก สายไหมต้องรอด" สอบปากคำ
ส่วนเรื่อง นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ที่พบว่ามีการพาพยานเท็จมาให้ปากคำตำรวจ ทาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า วันนี้พนักงานสอบสวนได้เรียกเข้ามาให้ข้อมูล โดยมีพนักงานสอบ บก.ปปป. เป็นผู้สอบปากคำ แต่เจ้าตัวจะมาหรือไม่นั้น ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ที่ถูกกล่าวหาพึงกระทำได้ ซึ่งทางตำรวจต้องการเพียงแค่อยากฟังคำชี้แจงเท่านั้น
และเมื่อถามว่าหากไม่เข้ามาพบตำรวจ จะมีการออกหมายเรียกหรือหมายจับหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพนักงานสอบสวนชุดทำคดี
"เอกภพ" เตรียมเข้าให้ข้อมูลสัปดาห์หน้า
ทีมข่าวสอบถามไปยัง นายเอกภพ ว่า วันนี้จะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนหรือไม่ นายเอกภพ บอกว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากตำรวจแต่อย่างใด แต่หากมีหมายเรียกก็ยินดีไปให้ถ้อยคำ เมื่อถามว่าจะเดินทางไปให้ข้อมูลเอง โดยไม่ต้องรอหมายเรียกหรือไม่ นายเอกภพ บอกว่า รอตำรวจเรียกก่อนดีกว่า เบื้องต้น คาดว่าน่าจะเข้าไปให้ข้อมูลได้ ในวันจันทร์หรืออังคารหน้า
"ฟิล์ม" โพสต์ขอโทษ "ต้นอ้อ" เป็นหนึ่ง
ส่วนในโซเชียลวันนี้ ฟิล์ม รัฐภูมิ ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ว่า "ขอโทษพี่ต้นอ้อ ที่ไปพูดพาดพิง จนทำให้เกิดผลกระทบกับพี่ต้นอ้อนะครับ"
เรื่องเกิดจาก ที่ก่อนหน้านี้ มีคลิปเสียง ฟิล์ม รัฐภูมิ และ เจ๊พัช ไปพาดพิงถึงบุคคลอื่น หนึ่งในนั้น คือ ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง โดยในคลิปหนึ่งมีการกล่าวหาว่า คนพวกนี้ เคยไปรับเงินเขามา ก็เลยดูภาพลักษณ์ไม่ดี
หลังจากนั้น ต้นอ้อ โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า "อ้อไม่เคยไปเรียกเก็บเงินใครนะคะ ไปหาคนที่จ่ายอ้อมาที พูดแบบนี้ ไม่โอเคเลยเด้อ ช่วยคนไม่เคยเรียกเงินผู้เสียหาย ไม่มีสันดานตบทรัพย์ใครนะคะ" จนเป็นที่มา ที่ ฟิล์ม รัฐภูมิ ออกมาโพสต์ขอโทษวันนี้
สั่งตั้งกรรมการสอบ "เจ๊พัช" อ้างจ่ายใต้โต๊ะ
ด้าน พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ออกมากล่าวถึงกรณีที่ นางสาวกฤษอนงค์ หรือ เจ๊พัช อ้างว่า เคยให้สินบนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จำนวน 10 ล้านบาท ว่า เรื่องนี้ได้ให้อธิบดี DSI ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ว่า เมื่อ 10 ปีก่อน เหตุการณ์เป็นอย่างไร มีข้อจริงหรือเท็จอย่างไร และขอให้ตั้งคนกลางเข้ามาสอบสวนและให้มีคนนอกร่วมด้วย เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น
แล้วการแอบอ้างในลักษณะนี้จะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานยากขึ้นหรือไม่ พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า ไม่ยาก เพราะเจ้าหน้าที่ยุคนี้ต้องทำตามข้อเท็จจริงทุกอย่าง ต้องมีการบันทึกในคำให้การ คนให้การจะให้การจริงหรือเท็จเราก็ไม่รู้ จึงต้องให้มีพนักงานสอบสวนใช้ดุลพินิจประชุมกันด้วย ซึ่งจะไม่มีผลกระทบกับ เจ้าหน้าที่ใด ๆ ทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษในเรื่องนี้หรือไม่ พันตำรวจเอกทวี กล่าวต่อว่า สิ่งที่เป็นห่วงคือการฝากขังมีระยะเวลาไม่มาก อยากให้อัยการมีระยะเวลาพิจารณาสำนวน ดังนั้น ควรจะส่งสำนวนให้อัยการอย่างน้อยก่อน 15 วัน นอกจากนี้ ขอให้อัยการเข้ามาเป็นที่ปรึกษาในการร่วมสอบสวน จะได้เห็น พยานหลักฐาน ประการสำคัญก็คือ อยากจะดูผู้บงการที่อยู่ข้างหลังว่าเป็นใคร