ห้องข่าวภาคเที่ยง - ศาลมีคำพิพากษาคดีที่เกี่ยวกับการขับรถบนถนนคดีหนึ่ง ต้องถือว่า "ได้ใจ" ผู้ที่ขับรถดี ๆ บนถนนจำนวนมาก นำข่าวนี้มาเสนอเป็นอุทาหรณ์ไปยังนักซิ่งหลาย ๆ คน ให้เลิกพฤติกรรมหัวร้อนบนท้องถนน เพราะว่ามันไม่คุ้มเลย
อย่างที่เราได้นำเสนอข่าวนี้ไปหลายช่วงแล้ว กับเหตุการณ์ที่รถยนต์สีขาวคันนี้ขับปาดซ้าย ปาดขวา บนทางพิเศษศรีรัช ช่วงทางร่วม ก่อนทางลงพหลโยธิน 1 หรือ ต่างระดับมักกะสัน โดยอ้างเหตุผลเพราะว่าเป็นเพราะโมโห กำลังทะเลาะกับแฟนสาวเรื่องบอกทางผิด เหตุเกิดวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
คดีนี้ตำรวจแจ้งข้อหาหนัก ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และก่อนการพิพากษาคดี นายปิติพัฒน์ คนขับรถเทสล่าคันก่อเหตุรับสารภาพ เป็นเหตุให้ศาลแขวงดุสิตพิพากษา ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 1 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี นอกจากนี้ยังให้คุมคประพฤติ 1 ปี ทำงานบริการสังคม 12 ชั่วโมง พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ 6 เดือน ริบรถยนต์ของกลาง และถูกตำรวจปรับอีก 2,000 บาท เนื่องจากใบอนุญาตขับขี่หมดอายุ
สอบถาม พันตำรวจโท ทศพร กลีบแก้ว รองโฆษกกองบังคับการตำรวจจราจร บอกว่า เรื่องการริบรถ โอกาสที่จำเลยจะได้รถคืนจะบอกว่าไม่มีเลยก็ไม่ใช่ ตามสิทธิ์ทางกฎหมายยังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีได้ จนกว่าศาลฎีกาจะตัดสิน แต่หากศาลฎีกาพิพากษายืน รถของจำเลยก็จะตกเป็นทรัพย์สินแผ่นดิน และ ปปง. ก็จะนำไปประมูลขายทอดตลาด แต่หากศาลฎีกาพิพากษากลับ หรือแก้ไขโทษ จำเลยก็ยังมีโอกาสจะนำเอารถกลับมาได้
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน พูดถึงเรื่องของการริบรถว่าจริง ๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่ค่อยปรากฏว่ามีการนำเสนอข่าวนี้มากนัก เมื่อผู้กระทำผิดถูกดำเนินคดีข้อหาขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย อัยการจะมีการร่างคำฟ้อง และใส่ไว้ท้ายคำฟ้องให้ศาลพิจารณาสั่งริบรถด้วย ทั้งนี้เพราะการกระทำผิดในลักษณะ