นายกฯ อิ๊งค์ ยิ้มแก้มปริ ดีใจศาล รธน. ไม่รับคำร้อง ทักษิณ-เพื่อไทย ล้มล้างการปกครอง จากนี้เดินหน้าทำงาน อยู่ให้ครบวาระ พยายามมีสติ ไม่ว่าดีใจหรือเสียใจ แม้พ่อจะเป็นพ่อของนายกฯ คนปัจจุบัน แต่ก็ไม่เกี่ยวกัน ทุกวันนี้เขามีความสุข ได้กลับบ้าน ได้อยู่กับลูกหลาน
วันนี้ (22 พ.ย.67) หลังจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พูดคุยกับ นางสาวสุชาตา ช่วงศรี หรือ โอปอล รองมิสยูนิเวิร์ส 2024 ที่เข้ามาเยี่ยมคารวะ ระหว่างถ่ายภาพร่วมกัน คณะทำงานของนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งข่าวต่อนายกรัฐมนตรี ว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 ไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ล้มล้างการปกครอง ทำให้นายกรัฐมนตรีตื่นเต้นดีใจ พร้อมถามว่า เสร็จแล้วหรือ จบแล้วหรือ และขอดูเนื้อหาจากโทรศัพท์มือถือของคณะทำงาน ก่อนจะหันไปบอกลา และรับไหว้จากน้องโอปอล
จากนั้นนายกรัฐมนตรี กลับมาดูรายละเอียดในโทรศัพท์มือถือ พร้อมยิ้มก่อนตอบคำถามสื่อมวลชน ที่ถามว่าจะสบายใจขึ้นหรือไม่ เพราะจากนี้ไปจะไม่มีเรื่องมารบกวนจิตใจในการทำงาน ซึ่งนายกรัฐมนตรี อมยิ้ม นิ่งคิดสักพักก่อนตอบว่า ดีค่ะ กำลังงง เพราะเพิ่งอ่านข้อมูลเสร็จ ก่อนจะตอบย้ำอีกครั้งว่า “ก็ดีค่ะ” เพราะก่อนหน้านี้มันไม่ได้เป็นข่าวดีอยู่ตลอดเวลา อันนี้ถือว่าเป็นข่าวดี ก็ดีใจ และจากนี้ไปจะเดินหน้าทำงานตามนโยบายต่าง ๆ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ต้องทำต่อไปอยู่แล้ว ต้องแบ่งเรื่องให้ได้ว่าเรื่องของประเทศชาติก็ต้องรับผิดชอบ เรื่องของคุณพ่อก็ได้ให้กำลังใจ
เมื่อถามว่า ศาลรัฐธรรมนูญออกคำวินิจฉัยแบบนี้ ถือว่ามีภูมิคุ้มกันทางการเมืองมากกว่านายกรัฐมนตรี คนอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้ทำงานจนครบวาระหรือไม่ นายกฯ ได้ชี้มือมาที่ตัวเอง พร้อมย้อนถามกลับว่า นายกฯ คนนี้หรือ แล้วตอบว่าภูมิคุ้มกันทุกคนก็คงมี แต่แบบนี้ต้องใช้พลังใจเยอะ เราต้องพยามมีสติ ใช้หลักธรรมะ เวลาดีใจก็ดีใจอย่างมีสติ เสียใจก็เสียใจอย่างมีสติ ที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็พยายามมีสติ กำลังย่อยเนื้อหาของศาลรัฐธรรมนูญอยู่
เมื่อถามว่า การที่ นายทักษิณ ไปตอบคำถามบนเวที งาน Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 โดยระบุเคยอยู่มาแล้วทั้งนรกและสวรรค์ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เห็นแต่รูปในงาน แต่ยังหาลิงก์ฟังไม่ได้ แต่คำนี้คุณพ่อพูดประจำ เขาบอกว่าเขาอายุ 70 ปี ชีวิตนี้เห็นมาแล้วทั้งนรกทั้งสวรรค์
ผู้สื่อข่าวถามว่านายทักษิณได้พูดคุยปรับทุกข์หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คุณพ่อจะพูดว่าทุกวันนี้เขามีความสุข เขาได้กลับบ้าน ได้เจอลูกเจอหลาน ถ้าไม่สบายพวกเราก็ดูแลได้ เขาพูดว่าสมัยก่อนที่อยู่เมืองนอกไม่ทราบว่าจะได้กลับเมื่อไหร่ แต่เขาพูดว่าทุกปีจะกลับ และจะพยายามไม่ป่วย ดูแลตัวเองให้ดีที่สุด เพราะเวลาไม่สบาย ตอนเป็นโควิดหนักมาก ซึ่งช่วงนั้นตนท้องลูกคนแรกก็ไม่ได้เจอ ถือเป็นช่วงเวลาที่แย่ ก็เข้าใจเขา
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายทักษิณจะทำให้แรงกระเพื่อมทางการเมืองนิ่ง และนายกฯ อยู่จนครบวาระหรือไม่ นายกฯ อิงค์ กล่าวว่า มันเป็นคนละเรื่องกัน แม้ว่าพ่อจะเป็นพ่อของนายกรัฐมนตรีปัจจุบัน แต่ก็ไม่เกี่ยวกัน การเมืองก็ต้องเดินหน้าต่อไป รัฐบาลก็ทำงานต่อไป แต่ก็เป็นเรื่องดี และตัวคุณพ่อเองก็ดี เพราะสิ่งที่เขาทำไม่ได้ถูกฟ้องร้อง ทำให้ทุกคนที่ให้กำลังใจท่านอยู่ก็รู้สึกโอเคขึ้น นิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรี ยังยอมรับว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับวินิจฉัย จะทำให้ต่างชาติมั่นใจในเสถียรภาพรัฐบาลมากขึ้น เหมือนกับที่ตนพูดวานนี้ ว่าเสถียรภาพเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งตนยอมรับความเห็นที่แตกต่าง เพราะเราเป็นคนของสาธารณะ และต้องพยายามทำงานให้ครบวาระ เพราะในสายตาต่างชาติ เข้าใจว่าประเทศไทยถ้าจะให้อยู่ครบ 4 ปี เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ไม่อยากให้คิดแบบนั้น ซึ่งในระบบเมื่อตั้งรัฐบาลแล้วควรทำงานให้ครบ 4 ปี อยากให้ทั่วโลกเข้าใจแบบนี้ เพราะนักลงทุนต้องคิดก็เหมือนเราที่เป็นนักธุรกิจถ้าจะเช่าร้านที่ไหน เขามีสัญญาปีต่อปี จะต่อสัญญาหรือไม่ก็ต้องคิดล่วงหน้า เพราะฉะนั้นความมั่นคงและเสถียรภาพของรัฐบาลจึงจำเป็นมาก