เตรียนำตัว " สามารถฯ " และ " แม่ " ฝากขังศาลอาญา หลังพบพฤติการณ์ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน คดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ดิไอคอนกรุ๊ป
หลังจากการสอบสวนนายสามารถฯ และนางวิลาวัลย์ฯ ให้การปฏิเสธ โดยจะขอให้การเป็นเอกสาร ภายใน 15 วันโดยผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวน
แต่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้พิจารณาแล้วเห็นว่าจากพยานหลักฐานที่ได้จากการตรวจค้นในบ้านพัก ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ร่วมกันกับบุคคลอื่นในการจัดทำเอกสารไม่สุจริตอันมีลักษณะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน
จึงมีมติไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยในช่วงบ่ายของวันนี้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีการฟอกเงินทางอาญาจะนำผู้ต้องหาทั้งสองไปขออำนาจศาลอาญาฝากขัง
เกี่ยวกับเรื่องนี้สืบเนื่องจาก พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้กองคดีการฟอกเงินทางอาญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีการกระทำความผิดการฟอกเงินทางอาญากรณีเกี่ยวกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด มีการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน อันเป็นความผิดมูลฐานฟอกเงินเป็นคดีพิเศษที่ 115/25672567
ต่อมาเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 นายระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา ตามมติของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อขอหมายจับ นายสามารถ (สงวนนามสกุล) นางวิลาวัลย์ (สงวนนามสกุล) และนายวรัตน์พล (สงวนนามสกุล) หรือบอสพอล ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน
โดยวานนี้ (25 พฤศจิกายน 2567) เวลาประมาณ 16.20 น. ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว โดยชุดปฏิบัติการที่ 3 ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมนายสามารถ (สงวนนามสกุล) ได้บริเวณวัดแห่งหนึ่งในตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย และนำตัวผู้ต้องหาเดินทางมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษกลางดึกวันเดียวกัน เพื่อส่งมอบให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
จากการสืบสวนปรากฏพยานหลักฐานว่าบัญชีเงินฝากธนาคารของนางวิลาวัลย์ฯ ซึ่งเป็นมารดาของนายสามารถฯ มีการโอนเงินมาจากหลายแหล่งเข้ามาในบัญชีเงินฝากธนาคารประมาณกว่า 100 ล้านบาทซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นการรับโอนเงินจากนายวรัตน์พลฯ หรือบอสพอล จำนวน 2.5 ล้านบาทและจากนายณัญปพนต์ หรือ กลด (สงวนนามสกุล) หรือบอสปีเตอร์ ประมาณ 5 แสนบาท
พนักงานสอบสวนคดีพิเศษสอบสวนทราบว่า นายสามารถฯ เป็นผู้ใช้บัญชีเงินฝากธนาคารดังกล่าว และยังมีการทำธุรกรรมในการโอนเงินไปยังบัญชีนายสามารถ จำนวน 33 ครั้งประกอบกับพยานหลักฐานอื่นเชื่อว่าผู้ต้องหารู้หรือควรรู้ว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดแชร์ลูกโซ่ พฤติการณ์จึงเป็นการโอน รับโอนทรัพย์สินจากคดีความผิดมูลฐานซึ่งผิดกฎหมาย จึงถูกกล่าวหาในข้อหา “ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน” ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542