ห้องข่าวภาคเที่ยง - ชายอายุ 37 ปี เข้าไปกินนอนอยู่ในบ้านหรู ทำเหมือนเป็นบ้านของตัวเอง เจ้าของบ้านตัวจริงเปิดวงจรปิดดูพบข้าวของถูกย้ายที่ เลยแจ้งให้ญาติไปดู
เป็นภาพเหตุการณ์ขณะที่ตำรวจ ชุดสืบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี บุกเข้าไปจับตัว นายเลิศชาย อายุ 37 ปี ที่เข้าไปอาศัยกินอยู่หลับนอนอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ในตัวเมืองอุบลราชธานี
บ้านหลังที่ชายอายุ 37 ปี แอบเข้าไปอยู่ ไม่ใช่บ้านเก่าทรุดโทรม หรือบ้านร้างแต่อย่างใด เป็นบ้าน 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด ภายในตกแต่งหรูหรา เป็นของหญิงซึ่งเป็นข้าราชการเกษียณโรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่ง ที่ตำรวจต้องบุกจู่โจมเข้าไปจับเพราะเจ้าของบ้านปิดบ้านทิ้งเอาไว้ แล้วติดกล้องวงจรปิดเอาไว้ตรวจดูสิ่งผิดปกติ พบว่ามีเก้าอี้ที่อยู่ชั้นล่างถูกย้ายที่ น่าจะมีคนร้ายแอบเข้าไป ก็เลยให้ญาติไปช่วยดูให้
ญาติเข้าไปในบ้านเห็นว่าไฟในบ้านถูกเปิด มีเสียงปั๊มน้ำดัง ก็เลยแจ้งตำรวจไปช่วยดู ตำรวจไปถึงก็พบว่าในห้องที่ นายเลิศชาย แอบเข้าไปนอนเล่นถูกล็อกเอาไว้ เรียกให้เปิดอยู่นานก็ไม่ยอมเปิด เลยต้องพังประตูเข้าไป
ตำรวจสอบถาม นายเลิศชาย ว่าเข้าบ้านคนอื่นมาอย่างไร เขาก็อ้างว่าก็ใช้กุญแจไขเข้าไป แถมยังอ้างหน้าตาเฉยอีกว่า นี่เป็นบ้านของตนเองที่สร้างไว้นานแล้ว และเพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัด จึงได้เข้ามาบ้านเพื่อพักผ่อน และยังบอกอีกว่า ชาวบ้านโดยรอบรู้จักตนเป็นอย่างดี แล้วตำรวจมาจับตนได้อย่างไร
ญาติของเจ้าของบ้าน บอกว่า เมื่อปลายปีที่แล้วบ้านหลังนี้ถูกคนร้ายงัดเข้าไปขโมยของ เจ้าของบ้านก็ติดกล้องวงจรปิดเอาไว้ จนเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กล้องก็จับภาพของ นายเลิศชาย เอาไว้ได้ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า นายเลิศชาย น่าจะงัดและปีนลงมาทางฝ้าเพดาน เพราะมีร่องรอยถูกเปิดทิ้งเอาไว้
นอกจากนี้ จากการสอบถามชาวบ้านก็ให้ข้อมูลว่า นายเลิศชาย หรือ โจ๊ก มาอาศัยขอข้าวพระและกินนอนที่วัดมาประมาณเกือบเดือนแล้ว เป็นคนที่พูดไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ ไม่ดื่มเหล้า ไม่เสพยา มีแต่สูบยาเส้น
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจหาสารเสพติดในร่างกายแต่ไม่พบ จึงได้ควบคุมตัวแจ้งข้อหาบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน ส่วนเรื่องของการลักทรัพย์ หรือทำให้เสียทรัพย์ ต้องรอให้เจ้าของบ้านตรวจสอบและแจ้งพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในภายหลัง